ปลูกผักแล้วเจ๊งมีเหตุผล ปัจจุบันการปลูกผักหรือการทำสวนผักเพื่อสร้างรายได้ ถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่พนักงานออฟฟิศหลาย ๆ คนสนใจ แต่รู้ไหมว่าการปลูกผักนั้นบางคนก็ว่าง่าย บางคนก็ว่ายาก ต่างคนต่างความคิด ปลูกได้บ้าง ปลูกไม่ขึ้นบ้าง แต่รู้ไหมก่อนที่เราจะมาปลูกผักเราต้องควรเตรียมการอย่างไรบ้างให้ผักของเรานั้นสามารถขายได้ วันนี้เราได้มีโอกาส
พูดคุยกับ พี่สุเทพ กุลศรี ที่ได้เปลี่ยนตัวเองมาทำเกษตรอย่างถาวร ซึ่งพี่สุทพ ได้บอกถึงเหตุผลที่ทำไมการปลูกผักเป็นอาชีพถึงยากสำหรับหลายคน พี่สุเทพแนะนำว่า การปลูกผักมันง่ายแต่สิ่งที่ยากกว่าคือการขาย บางคนไม่ได้เตรียมวางแผนถึงการขาย ซึ่งการขายนั้นต้องเตรียมตั้งแต่เริ่มปลูก
บางคนปลูกก่อนแล้วค่อยหาตลาด ซึ่งคิดแบบนี้ผิดเต็ม ๆ เพราะผักสดนั้นพอถึงกำหนดเก็บผลผลิตแล้ว ผักย่อมเหี่ยวเฉาราคาลดลง ซึ่งนี่ก็เป็นเห็นผลหลักทำให้ผักที่เราลงทุนไปขาดทุนได้ เพราะฉะนั้นเราควรหาตลาดก่อนปลูก ดูตลาดใกล้ตัวก่อนว่าแถวนั้นมีร้านอาหารอะไรบ้าง ตลาดต้องการผักอะไร อะไรขายดี อะไรมีขายเยอะ อะไรมีขายน้อย มีตลาดแล้วค่อยลงมือ
และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสำหรับการปลูกผัก คือการทำโรงเรือน บางคนคิดว่า โรงเรือนยิ่งสะอาด ใช้อุปกรณ์การปลูกที่มีราคาสูงแล้วผลผลิตจะดีคนจะสนใจ คิดแบบนี้เจ๊งแน่นอนเพราะ ผักที่เราจะขายภาพลักษณ์ไม่ได้อยู่ที่โรงเรือนหรือสภาพแวดล้อมเป็นหลักแต่มันจะอยู่ในผักที่คุณปลูก คุณปลูกปลอดสาร ผักคุณสะอาดไร้สารเคมี สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้ลูกค้าสนใจ
ไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นแสนเป็นล้าน ค่อยๆเริ่มขยายตลาดควบคู่ไปกับการขยายแปลงผักของเราแบบนี้จะดีกว่า เวลาล้มจะได้ไม่เจ็บ ผักเราสามารถคำนวนระยะเวลาในการปลูกได้ เรารู้อยู่แล้วว่าเราจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อไร เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถควบคุมการผลิตและสามารถหาตลาดรองรับให้กับผักที่เราปลูกได้
