ชลประทาน บุรีรัมย์ งดปล่อยน้ำทำ นาปรัง เหตุจากภัยแล้ง

หน้าแล้งเป็นเหตุ ชลประทานงดปล่อยน้ำหน้า นาปรัง เกษตรกร บุรีรัมย์ ร่วมใจหันปลูกพืชอายุสั้นเลี้ยงชีพแทน

หน้าแล้งพา ชาวนา เศร้าใจ ชลประทาน บุรีรัมย์ งดปล่อยน้ำทำ นาปรัง หวั่นเจอวิกฤต แล้ง ซ้ำรอยปีที่ผ่านมาที่ถึงขั้นประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปาจนต้องผันน้ำจากแหล่งอื่น ขณะที่ เกษตรกร ในเขตชลประทานก็ให้ความร่วมมือหันปลูกพืชอายุสั้นและผักสวนครัวแทน

แม้ในวันนี้ (15 ก.พ. 64) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากและอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ที่เป็นแหล่งน้ำดิบ สำคัญที่ใช้ในการผลิตประปาหล่อเลี้ยงเขตเศรษฐกิจ และประชาชนในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอห้วยราชบางส่วน จะมีน้ำกักเก็บเกือบรวมกันมากถึง 35 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว จากปริมาณความจุอ่างรวมกัน 56 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้วก็ตาม

แต่ทางโครงการชลประทานก็ไม่มีนโยบายปล่อยน้ำให้เกษตรกรทำนาปรังได้ เนื่องจากต้องสำรองน้ำไว้ใช้ในการผลิตประปาให้เพียงพอตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤติแล้งขาดน้ำแคลนน้ำดิบผลิตประปาซ้ำรอยปีที่ผ่านมา จนหลายหน่วยงานต้องทำการสูบผันน้ำจากแหล่งอื่นมาเป็น น้ำดิบ ผลิต น้ำประปา แทน

ขณะที่ เกษตรกร ในเขตชลประทาน ในพื้นที่ตำบลบ้านบัว อ.เมืองบุรีรัมย์ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะเข้าใจในสถานการณ์จึงร่วมแรงร่วมใจงดการทำนาปรังแล้วหันมาปลูก พืชอายุสั้น พืชผักสวนครัว ไว้บริโภคและขายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครัวเรือน เช่น ต้นหอม ผักชี คึ่นไช่ แตงกวา แตงโม และข้าวโพด เป็นต้น เพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยและมีอายุสั้นเพียง 2 – 3 เดือนก็สามารถเก็บผลิตขายได้แล้ว ซึ่งหากยังดันทุรังทำนาปรังไป ผลผลิตก็จะมีแต่เสียหายเท่านั้น จึงต้องปรับตัวมาปลูกพืชแบบใหม่กัน

โดยนายสุนทร วอนรัมย์ เกษตรกรบ้านจระเข้มาก บอกว่า หลังจากปีที่ผ่านมาประสบปัญหาน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก และห้วยตลาดแห้งขอดจนไม่สามารถสูบผลิตประปาได้จนต้องมีการไปสูบน้ำจากแหล่งน้ำมาผลิตประปาแทน ปีนี้เกษตรกรจึงงดการทำนาปรังหันมาปลูกพืชอายุสั้นและใช้น้ำน้อยแทน เพื่อช่วยกันประหยัดให้มีน้ำเพียงพอผลิตประปา

โดยพืชอายุสั้นที่ปลูกบางคนก็ใช้น้ำจากคลองธรรมชาติ บางคนก็ขุดสระสำรองไว้ แต่หากรวมกันเป็นกลุ่มก็สามารถไปขอน้ำจากทางโครงการชลประทานได้

พวกเราทีมงาน จันลั่นทุ่ง ก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวนาเกษตรกร ฝ่าฟันวิกฤตแล้งนี้ไปให้ได้นะคะ