วิธีล้างผัก ผลไม้ แบบง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

เรามาดู วิธีล้างผัก ผลไม้ ทั้ง 8 วิธีที่ถูกต้องและ ปลอดภัย และที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เพียงทำตามขั้นตอนนี้

เรามาดูกันว่า ผัก และ ผลไม้ สดที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีสารพิษจากยาป้องกันและกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ รวมไปถึงเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และสารโลหะหนักอื่น ๆ ที่ปะปนมากับผักผลและไม้ ซึ่งสารเหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน สารพิษเหล่านี้จะเกาะกับผิวบางส่วนและแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อของผักผลไม้ ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราไม่สามารถมองเห็นสารพิษที่ติดมากับผักและผลไม้

โรคที่มาพร้อมกับผักและผลไม้ที่ปนเปื้อนสารพิษจะมีทั้งโรคชนิดที่เกิดแบบเฉียบพลันและโรคเรื้อรัง อาการเฉียบพลัน เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด หายใจไม่ออก ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นไข้ ตัวชา หรือแม้แต่หมดสติไป หรือที่เรียกว่า “อาหารเป็นพิษ” ส่วนโรคเรื้อรังของการได้รับสารพิษที่มาจากผักและผลไม้ ส่วนมากจะมาจากการได้รับสารจากยาฆ่าแมลง เช่น ทำให้เกิดโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคกระเพาะอาหาร การเจริญเติบโตที่ผิดปกติในเด็กและทำให้เกิดความเครียด เป็นต้น

ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจการในการรับประทานผักผลไม้อย่างปลอดภัย ก่อนนำไปรับประทานหรือปรุงอาหารต้องนำมาล้างให้สะอาดเสียก่อน ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีการล้างผักอยู่หลายวิธีเพื่อช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างที่มากกับผักผลไม้ให้มีปริมาณลดน้อยลง แต่ละวิธีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะใช้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเป็นหลัก

เรามาดูวิธีล้างผักผลไม้กันเลยจ้า

วิธีที่ 1 การแช่น้ำ

เริ่มด้วยการล้างผักรอบแรกให้สะอาดเสียก่อน หลังจากนั้นเด็กผักออกเป็นใบ ๆ แล้วนำมาแช่ในอ่างน้ำที่เตรียมไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษจากฆ่ายาแมลงได้ประมาณ 7-33%

วิธีที่ 2 ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน

โดยเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ นำมาใส่ในตะกร้าหรือตะแกรงโปร่ง แล้วเปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ระหว่างล้างให้ใช้มือช่วยคลี่ใบผักและถูไปมาบนผิวใบของผักผลไม้ไปด้วยประมาณ 2 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25-63% (วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมและได้ผลดีมากวิธีหนึ่งค่ะ แต่จะมีข้อเสียในเรื่องของการใช้เวลานานในการล้างและต้องใช้น้ำสะอาดปริมาณมาก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ให้นำน้ำส่วนที่เหลือไปรดน้ำต้นไม้ก็ดีค่ะ)

วิธีที่ 3 ปอกเปลือก

วิธีนี้ให้นำผักหรือผลไม้มาปอกเปลือกหรือการลอกใบผักชั้นนอกออก เช่น กะหล่ำปลี ฯลฯ โดยให้ลอกเปลือกหรือกาบด้านนอกออกทิ้งสัก 2-3 ใบ เพราะสารพิษส่วนใหญ่จะสะสมตกค้างบริเวณเปลือกด้านนอกหรือบริเวณกาบ แล้วจึงนำไปแช่ในน้ำสะอาดอีกประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27-72%

วิธีที่ 4 ลวกผักหรือต้มผัก

ก่อนนำมาลวกให้นำผักมาล้างให้สะอาดเสียก่อน แล้วจึงนำมาลวกหรือต้ม โดยการลวกผักด้วยน้ำร้อนจะช่วยลดสารพิษได้ 50% ส่วนการต้มผักนั้นก็ช่วยลดสารพิษได้ประมาณ 50% เช่นกัน แต่การต้มผักจะมีสารพิษที่ตกค้างอยู่ในน้ำแกงได้ ดังนั้นจึงควรทิ้งน้ำที่ต้มครั้งแรกเสียก่อน แล้วจึงค่อยนำไปประกอบอาหารหรือรับประทาน (วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ดีและปลอดภัย แต่จะทำให้ผักและผลไม้เสียคุณค่าทางอาหารไปกับน้ำและความร้อน เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี3 วิตามินซี เป็นต้น)

วิธีที่ 5 น้ำเกลือ

ให้ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27-38% (วิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เพราะลดปริมาณของสารพิษได้ไม่มาก และอาจทำให้ผักและผลไม้มีรสเค็มได้) แต่บางข้อมูลกลับระบุว่าการใช้น้ำเกลือล้างผักผลไม้ไม่ได้ช่วยทำให้ผักสะอาดขึ้นได้แต่อย่างใด เนื่องจากเกลือเป็นโซเดียมคลอไรด์ที่มีส่วนทำให้สารตกค้างหรือยาฆ่าแมลงนั้นคงทนยิ่งขึ้น ทำให้ยังมีสารตกค้างอยู่ผักและผลไม้ แต่ข้อมูลส่วนนี้เองผู้เขียนเองก็หาแหล่งอ้างอิงไม่เจอครับ จริงเท็จประการใดก็ไม่ทราบ ทางที่ดีก็ให้ลองเลือกใช้วิธีอื่นแทนจะดีกว่าค่ะ

วิธีที่ 6 น้ำซาวข้าว

ให้นำผักหรือผลไม้มาแช่ด้วยซาวข้าวประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ 29-38%

วิธีที่ 7 น้ำปูนใส (ทำมาจากปูนแดงหรือปูนขาวที่กินกับหมาก)

ให้เตรียมน้ำปูนใสอิ่มตัวที่ผสมกับน้ำเท่าตัว แล้วนำมาผักมาแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 34-52%

วิธีที่ 8 น้ำส้มสายชู (Vinegar)

วิธีนี้ให้เตรียมน้ำสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ของกรดน้ำส้ม นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 ส่วน แล้วจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่ง จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 60-84% (การใช้วิธีนี้ล้างผัก ภาชนะที่ใส่ผักล้างไม่ควรเป็นพลาสติก และการล้างผักด้วยวิธีนี้อาจทำให้ผักบางชนิดมีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดมาได้ เพราะผักบางอย่าง เช่น ผักกาดขาว ผักกาดเขียว อาจมีการดูดรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู และทำให้ผักมีรสชาติเปลี่ยนไป)

วิธีง่าย ๆ ก็ลองไปทำตามกันดูนะคะ ได้ทั้งผัก ผลไม้ที่สะอาดปลอดภัย และยังได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วยจ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://medthai.com