ระบบเผาผลาญพังสาเหตุที่ทำให้ลดน้ำหนักแค่ไหนก็ไม่ลง มีวิธีแก้ 

เชื่อว่าหลายคนคงมีปัญเรื่องการลดน้ำหนักที่ไม่ว่าจะลดแค่ไหน ไม่ว่าออกกำลังกายหรือควบคุมน้ำหนักแค่ไหนน้ำหนักก็ไม่ลงสักที สาเหตุอาจจะเกิดจากระบบเผาผลาญของเราก็ได้ เพราะงั้นวันนี้เราไปดูกัน ว่าระบบเผาผลาญพังมันคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร อาการเป็นยังไง และมีวิธีซ่อมระบบเผาผลาญที่พังแบบไหนได้บ้าง ไปดูกันเลย

 ระบบเผาผลาญพัง คือ การที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารที่รับประทานเข้าไป มาใช้เป็นพลังงาน หรือ ATP ได้ ทำให้ยังมีสารอาหารตกค้างและไปสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งจุดสำคัญที่มักจะเกิดการสะสมของไขมันมีด้วยกัน 4 จุด ได้แก่

1. ช่องท้อง : การสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องจะทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง และถ้าหากมีไขมันสะสมมากเกินไป ไขมันจะไปเบียดอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งอาจทำให้อวัยวะนั้นทำงานผิดปกติ และเกิดโรคร้ายตามมาได้

2. ใต้ผิวหนัง : สามารถพบการสะสมไขมันในส่วนนี้ได้มากตามบริเวณ หน้าท้อง เอว ก้น สะโพก ต้นแขน ต้นขา หรือที่รู้จักกันดีในนามเซลลูไลต์หรือผิวเปลือกส้มนั่นเอง 

3. กล้ามเนื้อ : การสะสมของไขมันบริเวณกล้ามเนื้อมักจะเจอในคนที่อ้วนมาก ๆ และมักเจอในคนที่เป็นโรคเบาหวาน

4. รอบอวัยวะภายใน : อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าหากมีการสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องมาก ๆ ไขมันก็มีโอกาสไปเบียดและไปพอกอวัยวะภายในได้ เช่น อาจจะเกิดไขมันพอกตับ 

สาเหตุ & ปัจจัยที่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง 

อายุมากขึ้น : เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วที่พออายุมากขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็จะเริ่มแย่ลง ระบบเผาผลาญเองก็เช่นกัน มันจะแย่ลงตามอายุที่เพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ

ความเครียด : ความเครียดเป็นปัจจัยตัวร้าย ที่ไม่ว่ายังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยจริง ๆ โดยความเครียดนั้นทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลให้หลั่งไทรอยด์ฮอร์โมนออกมาได้น้อย และส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี

ขาดไทรอยด์ฮอร์โมน : หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมขาดไทรอยด์ฮอร์โมนถึงทำให้ระบบเผาผลาญไม่ดี นั่นก็เพราะว่าไทรอยด์ฮอร์โมนนั้นเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญ ที่สามารถช่วยให้การเผาผลาญเพิ่มขึ้นได้ ถ้าขาดไปการเผาผลาญก็จะลดลงนั่นเอง

อดอาหาร : ใครที่พยายามอดอาหารหรือควบคุมอาหารแบบผิดวิธี ร่างกายมันจะคิดว่าเรากำลังขาดอาหาร ร่างกายเลยปรับตัวเองให้เข้าสู่สภาวะจำศีล โดยปรับการเผาผลาญให้น้อยลง เพื่อกักเก็บไขมันและพลังงานนั่นเอง 

สารเคมีและอาหารแย่ ๆ ที่ตกค้างในร่างกาย : พวกสารเคมีและอาหารแย่ ๆ ที่ตกค้างในร่างกาย เช่น ยาฆ่าแมลงจากผัก ผลไม้ มันจะไปรบกวนกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้การเผาผลาญน้อยลง 

5 วิธี ฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้ดีขึ้น

1. การออกกำลังแบบ Weight Training ควบคู่กับ Cardio

ควรเน้นการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เช่น การยกเวท ควรใช้เวลา 2-4 วันต่อสัปดาห์ สลับเปลี่ยนท่าให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายได้ออกแรง เพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้น กล้ามเนื้อสามารถตึงน้ำตาลในกระแสเลือดมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน ทำให้น้ำตาลไม่สะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยการเผาผลาญไขมันและทำให้อัตราการเต้นของหัวใจทำงานได้ดี เพื่อให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น

2. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

การดื่มน้ำมาก ๆ เป็นการช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงานได้มากขึ้น จากผลการศึกษาของนักวิจัย Virginia Tech เมืองแบล็กส์เบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ระบุเอาไว้ว่า คนที่ดื่มน้ำ 8 ออนซ์ ประมาณ 8-12 ครั้งต่อวัน จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญสูงขึ้นกว่าคนที่ดื่มน้ำเพียง 4 ครั้งต่อวัน  ดื่มน้ำให้ได้ 500 มิลลิลิตร จะสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 30%  นอกจากนี้ยังควรดื่มน้ำหลังตื่นนอน หรือก่อนอาหารเช้า จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

3. เน้นกินโปรตีน

โปรตีนคือสารอาหารที่สำคัญต่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้กับร่างกาย คนที่มีระบบเผาผลาญพังควรเน้นกินโปรตีนให้มากขึ้นเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ  นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันในร่างกายได้อีกด้วย โดยมีผลงานวิจัยยืนยันว่าการกินโปรตีนมากขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 20-30% สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถเลือกรับประทานอาหารมื้อทดแทนที่ให้โปรตีนสูงและแคลอรี่ต่ำได้โดยไม่ต้องอดอาหารและยังช่วยลดความอยากอาหาร สามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่กิน ซึ่งเป็นการควบคุมน้ำหนักที่เห็นผลได้แบบยั่งยืน

4. ชาเขียวช่วยเพิ่มการเผาผลาญ 

ชาเขียวมีสารสำคัญชื่อว่า ‘คาเทชิน’ (Catechins) ซึ่งเป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอลมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นและเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารให้ดีขึ้น และยังช่วยยับยั้งขบวนการย่อยไขมัน ทำให้ไขมันดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดชาเขียวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทำให้รับประทานได้สะดวกขึ้นและเป็นสารอาหารจากธรรมชาติที่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้การควบคุมน้ำหนัก

5. สารสกัดจากเมล็ดทานตะวัน ช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน

เมื่อควบคุมน้ำหนักได้แล้ว การดูแลรูปร่างให้ดีขึ้น สามารถเลือกใช้ตัวช่วยเพื่อช่วยกระชับสัดส่วนอย่างสารสกัดจากเมล็ดทานตะวัน หรือ CLA ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็น กลุ่มโอเมก้า6 ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องได้รับจากการกินเท่านั้น มีประโยชน์ช่วยในการยับยั้งการสะสมไขมันใหม่ที่เข้ามาในร่างกายและช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเก่าที่สะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ  ในร่างกาย ช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้รูปร่างกระชับได้สัดส่วนมากขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างกับ 5 วิธีซ่อมระบบเผาผลาญพังให้มีหุ่นสวยที่ทางเพจอีจันตลาดแตกนำมาฝากเพื่อน ๆ ในวันนี้ทำตามได้ง่าย ๆ เลยใช่ไหมคะ ขอเพียงทุกคนตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก ระบบเผาผลาญทุกคนต้องกลับมาดีและมีหุ่นสวยอย่างแน่นอน