อีจันแบก กล่องกำลังใจ ซับน้ำตาสาว สระบุรี

อีจันแบก กล่องกำลังใจ ซับน้ำตาสาว สระบุรี เจอมรสุมชีวิต แม่ป่วยติดเตียง-ลูก 3 คน-หนี้สินรุมเร้า มืด 8 ด้าน จนเกือบคิดสั้น !

ตั้งแต่เปิดโครงการแม่นมอีจันปี 2 เฟส 1 มา จันได้รับรู้เรื่องราวความทุกข์ของแม่ๆ หลายท่าน ผ่านทั้งการอินบ็อกซ์และคอมเมนท์ใต้โพสต์ลงทะเบียนรับกล่องนม ซึ่งบางเรื่องราวจันได้ถ่ายทอดให้ลูกเพจได้รับรู้ไปบ้างแล้ว

แต่เรื่องราวที่จันกำลังจะเล่าต่อไปนี้ ไม่เหมือนกับเรื่องราวก่อนๆ ซึ่งเคสนี้ เธอขอความช่วยเหลือผ่านทางอินบ็อกซ์ของอีจัน โดยเธอพิมพ์ข้อความมาว่า

“สวัสดีค่ะ อีจัน หนูอยากขอความช่วยเหลือหน่อยได้มั้ยคะ ตอนนี้หนูประสบปัญหามากมาย จนหาทางแก้ไม่ออก คิดอยากฆ่าตัวตายคิดอยากพาลูกหนีตาย คือ ตอนนี้ แม่หนูเส้นเลือดในสมองแตก ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.64 ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วอาการดีขึ้น ที่หนูทุกข์ใจคือ ไม่มีคนดูแม่ หนูออกจากงานไม่ได้ตอนนี้ หนูทำงานเลี้ยงลูกอีก 2 คน ในท้องอีกคน ค่าใช้จ่ายแม่อีกมากมาย ถ้าหนูออกงานอดตายกันหมดแน่ ตอนนี้แม่กำลังย้ายกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาล อำเภอ ใกล้บ้าน แต่ถ้าโรงพยาบาลให้กลับบ้าน สภาพบ้านก็ยังไม่พร้อมที่จะให้แม่ที่ป่วยติดเตียงใส่ท่ออยู่ ซึ่งตอนนี้แม่มีหนูเป็นที่พึ่งคนเดียว หนูเองก็แย่มากถึงมากที่สุด หนูขอความช่วยเหลือ อีจันหน่อยได้มั้ยคะ

หนูขอรับบริจาคสิ่งของพวกนี้ได้มั้ยคะหนูอยากได้ แพมเพิส ผู้ใหญ่ไซส์ L เตียงนอนผู้ป่วยติดเตียง ถังออกซิเจน อุปกรณ์ที่ผู้ป่วยติดเตียงใช้ หนูไม่มีกำลังพอจะซื้อจริงๆ ค่ะ หมดหนทางแล้วถึงได้มาขอ ให้ช่วย ตัวหนูกำลังท้อง 6 เดือนอีกคน หนูคือเสาหลักครอบครัวถ้าหนูต้องออกงานไปดูแลแม่ หนูคิดไม่ออกเลยค่ะว่าอนาคตจะเป็นยังไง”

พร้อมกับแนบรูปบ้านที่มีแต่สังกะสีเก่าๆ ที่จะต้องเป็นสถานที่พักฟื้นแม่ของตัวเองส่งมาให้เราดู

อีจันรีบติดต่อกลับเพื่อคุยกับเธอทันที เพราะรูปประโยคที่เธอได้เกริ่นไว้ ทำอีจันใจไม่ดี

เวลาผ่านไป 15 นาที ในที่สุดเธอก็ตอบกลับมา เราคุยกันจนรู้ว่า เธอชื่อแนน ทำงานเป็นสาวโรงงานที่จังหวัดสระบุรี รายได้ต่อเดือนประมาณ 6,000-7,000 บาท เธอเป็นเสาหลักของครอบครัว ลูก 2 คน และอีกคนอยู่ในท้องอายุครรภ์ 6 เดือน ความช่วยเหลือที่เธอต้องการเร่งด่วนที่สุด ไม่ได้มีเพื่อตัวเอง แต่สิ่งที่เธอขออีจัน คือ สิ่งของเครื่องใช้ ผู้ป่วยติดเตียง และปูนทำพื้นบ้านให้แม่ที่จังหวัดอุทัยธานี ที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ นี้

ซึ่งคุณหมอบอกว่า เธอจะต้องเตรียมบ้านให้พร้อมสำหรับการดูแลแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งใจเธอเองอยากพาแม่มาเช่าห้องอยู่ที่สระบุรี จะได้สะดวกกว่า เพราะบ้านที่อุทัยธานี อยู่ในไร่ในเขา ห่างจากโรงพยาบาลมาก

และนั่นคือปัญหาใหญ่ที่เธอยังแก้ไม่ตก ปัญหาเรื่องการดูแลแม่ ที่อยู่คนละจังหวัด เธอไม่อยากออกจากงาน เพราะ ตอนนี้เธอทำงานหาเลี้ยงครอบครัวอยู่คนเดียว และยังไม่สามารถลาคลอดเพื่อที่จะไปดูแลแม่ที่จังหวัดอุทัยธานีได้ รวมทั้งปัญหาหนี้สิน ค่าใช้จ่ายของลูกๆ ทั้ง 2 คน และไหนจะลูกคนเล็กที่กำลังจะลืมตาดูโลกอีก และปัญหาอีกมากมาย ทำให้เธอรู้สึกกดดันมาก จนไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอหมดหนทางจะแก้ปัญหา ถึงได้มาขอความช่วยเหลือจากอีจัน

อีจันรีบปรึกษาทีม ก่อนจะสรุปกันว่าวันจันทร์ที่ 1 มี.ค. เราจะจัดทีมนำกล่องกำลังใจไปเยี่ยมคุณแนนที่จังหวัดสระบุรี และรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจากปากของเจ้าตัวเอง

วันที่ 1 มี.ค. 64 ทีมงานออกเดินทางกันตอน 11.00 น. และทันทีที่เราถึงบ้านคุณแนนที่อำเภอหนองแซง จ.สระบุรี ลุงอู๊ดเดินไปถามคุณแนนว่า เป็นอะไร แค่นั้นเลย น้ำตาของเธอไหลออกมาทันที ก่อนที่เธอจะพรั่งพรูความรู้สึกอัดอั้นตันใจออกมาให้เราได้ฟัง

เธอเล่าว่า เธอดีใจมากที่เรามา ชีวิตเธอไม่เคยเจอปัญหาหนักขนาดนี้มาก่อน แม่ก็ห่วง ลูกก็ห่วง ไม่อยากให้ลูกมีชีวิตแบบเธอ ส่วนบ้านที่เธออยู่ตอนนี้ ไม่ใช่บ้านของเธอ แต่เป็นบ้านของสามี เธออยู่ที่นี่ไม่มีความสุขเลย พ่อของเธอเสียแล้ว ส่วนแม่วัย 60 ของเธอป่วยเส้นเลือดในสมองแตกต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.64 ซึ่งเธอต้องเป็นคนดำเนินเรื่องเองทุกอย่างคนเดียว ตอนนี้อาการดีขึ้น ขยับได้ซีกเดียว ก่อนหน้านี้เธอโทรไปหาแม่ แม่ก็ยังยิ้มให้เธออยู่ แม่สู้มาก เธอมีกำลังใจจากแม่ที่จะสู้ปัญหาต่อ แต่เธอกลับถูกกดดันจากญาติ ให้ออกจากงานเพื่อไปดูแลแม่ แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ หมอบอกอีก 1 สัปดาห์ให้มารับแม่ออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่บ้าน แต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้เงินในบัญชีเธอเหลือ 32 บาท เธอเลยลองติดต่อมาที่เพจ เผื่อเธอจะรอด เพราะตอนนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้เลย

ปัญหาที่เล่าผ่านความรู้สึกจริงของผู้หญิงคนนี้ ทำให้ลุงอู๊ด ตกปากรับคำที่จะช่วยเหลือทันที ทั้งการซื้อเตียง ถังออกซิเจน อุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงขั้นต้น ลุงอู๊ดจะดูแลให้ ส่วนเรื่องบ้านเช่า คุณแนนต้องเป็นคนหาบ้านเช่าที่จังหวัดสระบุรี ในราคาที่ไม่สูงมาก เพื่อย้ายแม่มาดูแลที่นี่ เพราะในระยะยาว จะต้องแบกภาระเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นก็ต้องปรับตัวและใช้ชีวิตร่วมกันกับแม่ให้ได้ และแบ่งเวลาจัดการชีวิตใหม่ที่จะมีสมาชิกครอบครัวเข้ามาเพิ่ม

ก่อนจากกัน เราเปิดกล่องกำลังใจ ที่ภายในมีข้าวสารอาหารแห้ง ที่พอจะประทังชีวิตไปได้อีกสักระยะ เด็กๆ กระโดดดีใจใหญ่ ส่วนคุณแนนก็สัญญากับลุงอู๊ดว่า จะไม่คิดอะไรไม่ดี ไม่คิดสั้นอีก และจะดูแลแม่และลูกๆ ต่อไป และเราสัญญาว่าเราจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง