อีกหนึ่งความสูญเสียของ วงการบันเทิง สำหรับพระเอกระดับตำนาน อย่าง สรพงศ์ ชาตรี ที่ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา ด้วยโรค มะเร็งปอด ในวัย 73 ปี
ล่าสุด ทางครอบครัวของ สรพงศ์ ก็ได้ตัดสินใจทำพิธีบำเบ็ญกุศลอุทิศ และเคลื่อนสรีระร่างของ สรพงศ์ กลับสู่อุทยานมหาวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) จังหวัดนครราชสีมา
โดยในวันนี้ (7 เม.ย. 65) ได้มีการเริ่มพิธี ณ ศาลาวีนิรมิต (ศาลากลางน้ำ) วัดเทพศิรินทราวา ตั้งแต่เวลา 7.00 น. และจะทำพิธีเคลื่อนสรีระร่างของ สรพงศ์ กลับสู่อุทยานมหาวิหารฯ ตอนประมาณ 9.20 น. ก่อนจะมีการสวดพระอภิธรรมในเวลาต่อไป ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการบำเพ็ญกุศลไปเรื่อยๆ จนว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ
ทั้งนี้ก่อนทำพิธีเคลื่อนสรีระ ดวงเดือน ภรรยา สรพงศ์ ก็ได้เผยความตั้งใจในการเคลื่อนย้ายร่างของสามีไปที่อุทยานมหาวิหารฯ เธอกล่าวว่า ” มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นมูลนิธิที่พี่เอกมีความผูกพัน มีความรักต่อผืนแผ่นดินนั้น พี่เอกสร้างที่นี่มาด้วยจิต และวิญญาณ ที่นี่เป็นตัวตนของเขา ซึ่งวันนี้เขาไม่อยู่แล้ว ก็อยากจะพาเขากลับบ้าน ไปอยู่ในสถานที่ที่เขาสร้างมา จริงๆ แล้วพี่เอกพูดตลอดตั้งแต่ตอนที่ป่วยว่าคิดถึงที่นี่ แต่ยังไม่พร้อมที่จะไป เราเองก็คิดมาตลอดว่าวันหนึ่งเขาจะแข็งแรง และสามารถไปได้ จนมาตรงจุดนี้จึงคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เขา “
ต่อมาเธอก็ได้เผยทั้งน้ำตา ถึงความรู้สึกหลังสูญเสียผู้ชายอันเป็นที่รัก เธอกล่าวว่า “มันคงต้องใช้เวลา 35 ปีที่อยู่ร่วมกันมา คนในวงการจะเห็นเลยว่าเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไปไหนก็ไปด้วยกัน แต่พอวันหนึ่งที่อีกคนจากไป ด้วยร่างกาย แต่ใจมันยังอยู่ มันต้องใช้เวลา”
เธอกล่าวต่อว่า “เราจะพูดกันเสมอ พี่เอกไม่ต้องห่วงอะไรแม้กระทั่งตัวหนู ไม่ต้องห่วง หนูเข้มแข็ง คือเขาเป็นห่วงเรา เขารู้ว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เข้มแข็ง ไม่สู้คน เขาห่วงในหลายๆ เรื่อง เราก็จะบอกเขาตลอดว่าไม่ต้องห่วง แม้กระทั่งวิหาร ซึ่งยังสร้างไม่เสร็ตจ เขาห่วงมาก ทั้งๆ ที่ร่างกายป่วย แต่จิตใจเข้มแข็ง เขาไม่เคยบอกว่าเขาปวด เขาต่อสู้ เหมือนคนไม่ป่วย สวดมนต์ทุกวัน พี่อยู่ในห้องซียู 31 วัน ตลอดเวลา 24 ชม. ยังไม่เคยเห็นอาการของเขา มีเพียงร่ายกายเท่านั้นที่ไม่ไหว ขอบคุณแฟนหนัง แฟนละคร และกัลยาณมิตรทุกคน ที่ไม่ได้ส่งข่าวว่าป่วยเพราะเป็นช่วงโควิด และเขาเองก็ไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง”
สุดท้ายเธอก็ได้กล่าวถึงสามีเป็นครั้งสุดท้ายว่า ” ขอบคุณพี่เอกมากที่ทำให้เรามีตัวตน ที่ผ่านมาได้ร่วมสร้างกุศล เป็นสิ่งเดียวที่ใครก็แย่งจากเราไปไม่ได้ ติดตัวเราไปตลอด ขอบคุณที่ไปสบาย และไปอยู่ในที่ที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะละสังขารละไปอยู่ได้”