สุเทพ​ สีใส​ ควงภรรยา​ เผยเส้นทางความรัก​ กว่าจะเป็นครอบครับที่อบอุ่น

สุเทพ​ สีใส​ ควงภรรยา​ เผยเส้นทางความรัก​ กว่าจะเป็นครอบครับที่อบอุ่นอย่างทุกวันนี้​ ต้องผ่านอุปสรรค​ทั้งเพื่อนเลิกคบ​ ครอบครัวกีดกัน​ และพร้อมเคลียร์เตรียมออกจากวงการ ไปขายกะปิ

ตลกชื่อดัง​ ผู้ที่มีหน้าตาเป็นเอกลัษณ์​อย่าง สุเทพ​ สีใส​ วันนี้เขาได้ควงคู่ภรรยาคนสวย​ ป๊อบ​ ธณัฏฐ์ภรณ์ เผยเส้นทางความรัก​ 24​ ปี​ ที่ต้องเจออุปสรรค​ทั้งเพื่อนเลิกคบ​ และครอบครัว​ไม่เห็นด้วย​ ผ่านมาได้อย่างไร​ จนมีลูกสาวคนคนเก่ง​ดีกรีนักวิทยาศาสตร์ น้องฟลุ๊ค​ มาร่วมเล่าความอบอุ่นในครอบครัว พร้อมเคลียร์เตรียมออกจากวงการ ไปขายกะปิ ในรายการคุยแซ่บ​ show

คบกันมา 24 ปีแล้ว?

ป๊อบ : 24 ปีนี้พอดี

คนนี้รักแรกพบเลยไหม?

สุเทพ : รักแรกพบเลยไหม​ ก็รักมาตลอด

ครั้งแรกเจอกันที่ไหน?

สุเทพ : เจอกันที่พระราม​ 9 พลาซ่า เป็นคาเฟ่พระราม​ 9

ป๊อบ : พี่เรียนจบ แล้วเป็นช่วงที่รองาน แล้วสมัยเรามันต้องเที่ยวผับ เพื่อนชวนไปที่คาเฟ่ ตอนนั้นเป็นยุคที่คาเฟ่บูมมาก เราก็เปลี่ยนที่ไปดู​ ตลก ไปโต๊ะแรกเลย วันนั้นก็รู้ว่าเขาขึ้นเล่น แต่พี่ไม่ใช่แฟนคลับเขา เขาไม่ใช่ตลกในดวงใจ

ตลก​ ที่เราตั้งใจไปดูคือใคร?

ป๊อบ : ช่วงนั้นจะมีพี่โน๊ต พี่เป็ด ที่เราชอบ เชิญยิ้มอะไรอย่างนี้ ถามว่ารู้จักเขาไหม รู้จักแต่ไม่ได้อยู่ในสายตา อยู่นอกสายตาเลย

สุเทพ : ตอนนั้นอยู่นอกสายตา แต่ตอนนี้อยู่ในใจ

วันนั้นเราเล่น​ ตลก​ แล้วเจอผู้หญิงสวยคนนี้รู้สึกอย่างไร?

สุเทพ : ตื่นเต้นครับ ชีวิตตลกในช่วงนั้น แล้วผมเป็นคนโสดคนหนึ่ง ตลก​ อะไม่รู้เป็นที่ผมคนเดียวหรือเปล่า​ไม่รู้ ขึ้นไปเล่นที่ไหนก็มองหาแต่ผู้หญิงสวย ผมเป็นคนที่ปากเร็วนิดหนึ่ง ทักทายคนเก่ง พอเห็นเขามานั่งก็เห้ย…น้องคนนี้สวย น่ารักดี ผมก็มองเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ไม่คิดว่าจะมาจบที่คนนี้

วันนั้นมอง​ พี่มีโอกาสลงไปทักไหม?

สุเทพ : ผมก็ไปทัก พอผมเล่นเสร็จปุ๊บ ลงมารอเขาจะกลับตอนไหน

ป๊อบ : กลับตี​ 2

สุเทพ : วันนั้นผมลง 4-5 ทุ่ม แล้วไปเล่นที่อื่น แล้วกลับมารอที่พระราม​ 9 เพราะผมถามผู้จัดการว่าแขกโต๊ะหน้ากลับไปหรือยัง เขาก็บอกยังอยู่ๆ ผมก็รีบขับรถกลับมา

ป๊อบ : พอพี่ขึ้นรถจะปิดประตู เขาเอามือมาจับไว้ พี่ก็ตกใจ ตี​ 2 นะ เราไม่คิดว่าจะเป็นเขา ถ้าเป็น​ ตลก​ หล่อๆ หรือ​ ตลก​ ในดวงใจมันก็จะอีกอารมณ์หนึ่ง แต่มันดันเป็น…คือตกใจมาก

สุเทพ : ผมก็บอกว่า สวัสดีครับ ผม​ สุเทพ ศรีใส จะกลับแล้วเหรอครับ

ป๊อบ : ชื่ออะไรครับ ขอเบอร์ได้ไหมครับ

สุเทพ : แต่ไม่ได้เบอร์

ป๊อบ : พี่ก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาก็บอกว่างั้นไม่เป็นไร งั้นเอาเบอร์พี่ไป แล้วล้วงนามบัตรออกมาหล่อๆ วางไว้ที่รถ

สุเทพ : ไม่มีเบอร์ไม่เป็นไรนะน้อง งั้นเอาเบอร์พี่ไป เผื่อมีงาน หรือจะมาเที่ยวก็โทรหาพี่ก่อน

พี่ได้นามบัตรไป พี่เอาไปทำอะไร?

ป๊อบ : คือเป็นรถเพื่อน แล้วเพื่อนก็ไปส่งที่คอนโด นามบัตรก็จะอยู่ที่รถเพื่อน ก็ขำกันในรถ ยิ่งกว่าเป็นเรื่อง​ ตลก เพื่อนก็แซวแบบขำมาก

แล้วโคจรกลับมาเจอกันได้อย่างไร?

ป๊อบ : ประมาณ 3-4 เดือน เพื่อนก็ชวนอีกว่าไปดูไหม เราบอกว่าไปได้ แต่ขอไม่นั่งโต๊ะข้างหน้า เราก็ไปนั่งโต๊ะที่แบบทางเดินเข้าห้องน้ำผู้หญิงเลยนะ เป็นมุมมืดเลย เขาก็ขึ้นเล่นปกติ แต่ทำไมตามันมองมาทางนี้ เราก็คิดว่าไม่มีอะไรหรอก แล้วพอเขาเล่นเสร็จก็เดินมาที่โต๊ะเรา แล้วบอกว่ารอพี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะกลับมาเล่นที่สุดท้ายที่นี่ เราก็ตกใจ เขารู้ได้อย่างไร คือเพื่อนแกล้ง เพื่อนโทรให้

สุเทพ : คือเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก่อนคืนนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามา พี่​ สุเทพ​ เหรอ นี่น้องป๊อบนะ ที่เจอที่หน้าพระราม​ 9 คืนนี้จะเข้าพระราม​ 9 กี่โมง เดี๋ยวป๊อบจะไปเที่ยวกันนะ

ป๊อบ : เพื่อนแกล้งพี่ไง จากนามบัตรนั้น อารมณ์แบบมาจีบเพื่อนเราใช่ไหม ก็หลอกกินเลยแล้วกัน คืออารมณ์อายุ ณ ตอนนั้น 20 กว่าๆ

สุเทพ : หน้ามือกับหลังมืออยู่แล้ว ผมกับป๊อบอะ เพื่อนก็แกล้งและคงไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่จะมาจบกันแบบนี้

ป๊อบ : วันนั้นพี่เทพกับเพื่อนพี่รู้กันวันนั้น แต่พี่อะไม่รู้

สุเทพ : พี่ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนแกล้ง พอลงไปปุ๊บเดินไปหา เขาก็ตกใจว่ามาได้อย่างไร

แล้ววันนั้นพี่​ สุเทพ​ เลี้ยงไหม?

สุเทพ : เลี้ยงครับ

ป๊อบ : พอเขาบอกว่ารอพี่นะ เดี๋ยวกลับมาเล่นที่นี่ พี่กลับเลย แล้วโมโหเพื่อนด้วย

วันนั้นรู้ไหม ถูกเพื่อนเขาหลอกกินฟรี?

สุเทพ : เพิ่งเข้าใจ แต่อยู่ในใจ ความภูมิใจอะไรรู้ไหม เรามีเบอร์แล้ว

ป๊อบ : เพื่อนให้ไง คงจะแบบว่าช่วงที่เขาคุยกัน คือเพื่อนไม่ได้คิดหรอกว่าเราจะมีมาถึงวันนี้

แล้วมีการโทรจีบต่อเลยไหม?

สุเทพ : เราก็ต้องตามต่อ เพราะหมดไปเยอะแล้ว ก็โทรไปหานี่พี่​ สุเทพ​ นะ ตื่นหรือยัง ไปไหน ทำอะไรต่อ ดูแลตัวเองนะครับ แล้วก็วาง พี่จะโทรแบบนี้ทุกวัน วันละครั้ง สองครั้ง การโทรของพี่ พี่จะไม่ยืดเยื้อ

ป๊อบ : เขาก็รายงาน วันนี้จะขึ้นที่นี่นะ  จะไปถ่ายรายการนี่นะ จะกินข้าวนะ ป๊อบทำอะไรอยู่ แล้วก็วาง วันหนึ่งเป็น 10 รอบ แล้วทุกวัน ไม่มีการคุยยาวๆ

ลึกๆ เราก็รู้ว่าเขาจีบอยู่แล้ว ทำไมตอนนั้นถึงรับสาย?

ป๊อบ : เราเลือกไม่ได้ เพราะมันเป็นโทรศัพท์บ้าน มันไม่โชว์เบอร์ พอเขาโทรมาคุยได้เราก็คุย

สุเทพ : ผู้หญิงจะไม่เบื่อ คือเราคุยไม่ยืดเยื้อ ดูแลตัวเองนะ กินข้าวหรือยัง

ป๊อบ : แล้วไม่ได้จีบ ไม่ได้หวาน ไม่ได้อะไรเลย ป๊อบเหรอ นี่พี่จะลงจากตรงนี้แล้วนะ พี่จะขึ้นตรงนี้นะ วันนี้พี่จะไปถ่ายนี่นะ พอเขาตื่นมาประมาณ 11 โมง เขาก็จะโทรมา ยังไม่ได้คุยอะไรเสร็จเลย เขาวางแล้ว

สุเทพ : แล้วมันจะมาอยากรู้อะไรรู้ไหม มีอยู่ช่วงหนึ่ง ไม่โทรหาสัก 2-3 วัน พอวันต่อไปโทรไปปุ๊บ เป็นไงบ้าง สบายดีนะ ทานข้าวหรือยัง เขาก็พูดเลยไปไหนมา 2-3 วันไม่เห็นโทรมา

เท่าที่รู้ตอนนั้นพี่ป๊อบก็มีแฟนอยู่?

ป๊อบ : ใช่ค่ะ ถามว่าทำไมรับโทรศัพท์เขา คือเหมือนพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขา แต่เรารู้แหละว่าเขาจีบ ต้องบอกว่าคนมาจีบเราก็เยอะนะสมัยนั้น

พี่สุเทพรู้ไหมว่าพี่ป๊อบเขามีแฟนอยู่แล้ว?

สุเทพ : ไม่รู้ครับ ผมก็จีบ มาสาวต่อกันไปปุ๊บ ก็พยายามดึงออกมาให้มันเป็นการส่วนตัวกับเรา ให้มันใกล้ชิดขึ้นมา คือชวนมากินข้าว กว่าจะงัดออกมาจากคอนโดได้ใช้เวลาหลายเดือน พอเริ่มกินข้าว เราก็รู้สึกว่าอยู่กับผู้หญิงคนนี้เราสบายใจ เราอบอุ่นดี

ป๊อบ : เขาขายของ แบบผมโสดนะ

สุเทพ : เราก็พยายามบอกว่าเราอยู่คนเดียวนะ เราทำงานอย่างนี้นะ เราไปถ่ายนู้น ถ่ายนี่ พยายามจะให้เขารู้ว่าชีวิตเราเป็นอย่างนี้ บางทีเขาอาจจะคิดว่า​ ตลก​ มีเมียไว้นู้น ไว้นี่ มีเมียหลายคน เจ้าชู้ คือพอมาทานข้าวเสร็จเราก็ชวนเขาไปดูการทำงานที่ต่างจังหวัด ไปดูเราถ่ายละคร

ป๊อบ : วันนั้นเป็นวันเสาร์ แล้วเพื่อนบางคนก็ทำงานไปแล้ว แต่เราว่าง เขาโทรมาเราก็ไหนลองไปดูสิมันเป็นอย่างไร

สุเทพ : ผมก็ให้ไปดูการทำงานเรา ผมว่าวิธีนี้ ไปเห็นงานจริงๆ เวลาถ่ายละครข้างนอกมันร้อนแค่ไหน

ป๊อบ : วันที่กินข้าวกัน เขาบอกพี่ป๊อบว่าเขาไม่มีรูขุมขน เวลาเขาร้อน เขาจะร้อนมาก  เขาไม่มีเหงือออก เราเองเราไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้จริงไหม แล้วพอวันที่เราไปดูเขาที่กองถ่ายละคร พอคัทปุ๊บ ทีมงานเขาจะยกกระติกน้ำแข็งใบใหญ่ๆ แล้วมีน้ำแข็งอันใหญ่ๆ แล้วเขายกขึ้นมาโดยไม่บิด แล้วมาคลุมหมดเลย เราตกใจ ที่เขาพูดมาในวันนั้นคือเรื่องจริงนี่หว่า คือเขาไม่ได้พูด เพื่อที่จะจับเรา แล้วภาพนั้นมันน่าสงสารมาก เราไม่รู้ว่ามันมีอย่างนี้อยู่บนโลกแบบนี้ แล้วโรคแบบนี้มีอยู่จริง

จากความสงสารกลายเป็นความรักเหรอ?

ป๊อบ : ใช่ จากวันนั้นเห็นแล้วคลุมทั้งตัวเลยนะ แล้วโลเคชั่นมันเป็นป่า

จากวันนั้นความรู้สึกเราเปลี่ยนเลยไหม?

ป๊อบ : เหมือนมันคุยกับเขาเยอะขึ้น ไปไหนด้วยมากขึ้น​

ผู้หญิงสวยขนาดนี้ พี่เอาความมั่นใจในการจีบมาจากไหน?

สุเทพ : ตอนที่ยังไม่มีเขา ผู้หญิงสวยๆ ผมก็จีบไปทั่ว นามบัตรเมื่อก่อนผมพิมพ์เดือนหนึ่งหลายร้อยใบนะ ไปไหนก็แจกๆ

ป๊อบ : พอมาเป็นแฟนเขาแล้วผู้หญิงโทรมาแบบ พี่ต้องมองหน้าเขาอีกรอบ แบบเยอะมาก

สุเทพ : คืออะไรรู้ไหม พอเราได้สัมผัสชีวิตกันแล้ว ผมเอาโทรศัพท์ที่ผมใช้อยู่ให้เขาใช้เลย ผมเอาเครื่องใหม่ ทีนี้การตัดปัญหาเราไม่ต้องมาอธิบาย

แล้วอะไรทำให้พี่ป๊อบมั่นใจว่าเราเปิดใจคุยกับเขาดีกว่า?

ป๊อบ : เขาค่อนข้างเป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย แล้วเขาจะรายงานตลอด บอกพี่ทุกเรื่อง เราอยู่กับเขา หนึ่งเราจะอบอุ่น แล้วเราจะไม่เหนื่อย เพราะเขาตามเรา เหมือนกับเราก็จะเฟดจากแฟนเราโดยอัตโนมัติ มันแทบไม่ได้ทะเลาะ เพราะเขาตาม และรายงานตลอดว่าอยู่ไหน ไปด้วยกันไหม เขาจะเอาเราไปทุกที่ ไปด้วยตลอดไม่มีไปคนเดียว

สุดท้ายพี่ก็ยึดติดกับคนที่ว่ารักคนที่เขารักเราดีกว่า?

ป๊อบ : ใช่ พี่ก็เลยถอยห่างจากแฟนเก่า แล้วตัวพี่เอง สเปคผู้ชายไม่มี มีแค่ว่าขอเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้มีว่าจะต้องหล่อ แต่ก็ไม่คิดนะว่าจะได้ขนาดนี้

พอคบกับเขาปั๊บ เพื่อนไม่เอาเราเลยเหรอ?

ป๊อก : เพื่อนจะว่าโกรธก็ไม่ เหมือนแบบกูเอาเล่นๆนะ ทำไมมึงเอาจริง ให้คิดดีๆ นะ

เขาเลิกคบ​เลยเหรอ?

ป๊อบ : เหมือนไม่ได้เลิกคบกัน เขายุ่ง แต่แค่ถอยห่างดีกว่า  แต่ก็ยังคุยกันอยู่

พี่ป๊อบสามารถก้าวข้ามหน้าตาพี่​ สุเทพ​ ได้อย่างไร?

ป๊อบ : ลึกๆ พี่เทพเป็นคนจิตใจดี ถามว่าผู้หญิงที่เขาเคยจีบมา เคยเป็นแฟนเขามาอาจจะ อันนี้ตัวเขาพูดเองว่าส่วนใหญ่เขาจะโดนผู้หญิงหลอก ซึ่งพี่เองก็ได้สัมผัสตอนคบกันแรกๆ ถ้าเป็นสมัยนี้คือการบูลลี่นี่แหละ ด้วยคำพูดโดยการพูดว่า ไม่มีเงินไม่เอาหรอก สวยขนาดนี้อยู่กับคนนี้ก็เพราะมีเงิน ทั้งเด็กเสิร์ฟพูด พนักงานห้างพูด เราก็เข้าใจผู้หญิงที่เข้ามาหาเขาก็เพราะเงิน เลยไม่ได้เห็นอะไรลึกๆ

สมัยก่อนผู้หญิงเข้ามาหาเรื่องเงินเยอะไหม?

สุเทพ : เยอะครับ แต่ไม่ได้อะไรจากผมหรอก ผมจะใช้เงินเป็นคนคิดตลอด เรารู้สภาพตัวเองว่าเราหน้าตาเป็นแบบนี้ ถ้าคนสวยๆ เข้ามา ผมจะไม่ทุ่มเทกับผู้หญิงเรื่องเงิน ผมจะเป็นคนเก็บเงิน ใช้ส่วนที่ใช้ เก็บส่วนที่เก็บ จะเป็นระเบียบกับตัวเอง

นอกจากเพื่อนไม่เอาเราแล้ว อันนี้จริงไหม แม่มาหาเราถึงที่ แล้วลากกลับ?

ป๊อป​ : ใช่​ วันที่ขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่ง​ ที่บ้านไม่รู้เลย เราไม่กล้าบอก​ เพราะเขาส่งเราเรียนจบแล้วเราก็ยังไม่ได้งานทำ​ เราก็เลยไม่ได้บอก​ แต่เราไปทำงานกับพี่เขา​ เหมือนไปบ่อยๆ​ แล้วนักข่าวก็แอบถ่าย​​ วันนั้นเขารับรางวัลเมขลา​ แล้วพี่ป๊อปก็เอาดอกไม้ไปให้​ แล้วพอเป็นข่าวปุ๊บแม่ก็รู้ เลยให้พี่สาวมารับกลับบ้านเลย​ โดยเขาไม่รู้​ ไม่ได้ติดต่อกัน​ 3​ เดือน​ แล้วเราก็หนีกลับมาหาเขา

สุเทพ​ : ก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น​ ชีวิตเราเกิดมาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว​ พอความสุขกำลังจะราบรื่น​ กำลังจะ​ดี​ จะได้เป็นตัวเป็นตน​ เป็นหลักเป็นแหล่ง​ กลับกลายมาเป็นแบบนี้​ ก็งงกับตัวเอง​ ช็อกไปพักหนึ่ง

ป็อป​ : เรานั่งรถจากจันทบุรี​มาหาเขาที่ห้อง​ เขาก็ถามว่าแม่รู้ไหม​ เราบอกไม่รู้​ เขาก็ขอเวลาเคลียร์​งานหนึ่งอาทิตย์​ แล้วจะขับรถไปสู่ขอกับแม่

น้องฟลุ๊คเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเป็นสาวเก่งเหมือนคุณแม่เลย เห็นว่าก่อนมีน้องเครียดมากๆ?

ป๊อบ : ถามว่าเครียด กลัวลูกออกมาหน้าตาอย่างพี่เทพ เขาจะใช้ชีวิตอย่างไร เหมือนกับลูกจะใช้ชีวิตลำบากไหม ยากไหม

ตอนนั้นพี่​ สุเทพ​ รู้สึกอย่างนั้นไหม?

สุเทพ : ผมไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร แล้วอีกอย่างพอรู้ว่าเป็นลูกผู้หญิงด้วย โบราณบอกว่าส่วนมากผู้หญิงจะคล้ายพ่อ คือหน้าตาอย่างผมเนี่ย ผมไม่ลำบากไง ตั้งแต่เด็กมา ผมก็ใช้แบบนี้เป็นพรสวรรค์ทำมาหากินในวงการ คือผมเฉยๆ นะถ้าลูกออกมาแล้วหน้าคล้ายผม สุดท้ายมันก็มีทางออกจนได้

ตอนนั้นพ่อไม่ห่วงแต่แม่ห่วง?

ป๊อบ : ใช่ กังวล ถ้าออกมาจริงๆ แล้วหน้าเหมือนพี่​ สุเทพ เรารับได้ไหม เรารับได้ แต่เรากลัวตัวเขาเอง เขาจะใช้ชีวิตยาก

เห็นว่าตอนที่ฝากท้องก็ย้ายไปหลายโรงพยาบาล ปรึกษาคุณหมอตลอดเวลา คุณหมอว่าอย่างไร?

ป๊อบ : คุณหมอบอกล้านเปอร์เซ็นต์คุณมีลูก 10 คนก็ไม่เป็น แล้วเขาก็เอาคลิปเมืองนอกซึ่งมีหน้าตาอย่างพี่เทพด้วย เอามาให้เราดูว่ามันไม่ได้เกิดแค่เมืองไทย มันเป็นโรคเกี่ยวกับโครโมโซมนะ หมอก็อธิบายให้เราสบายใจ

ถ้าน้องฟลุ๊คหน้าตาเหมือนคุณพ่อเราจะรู้สึกอย่างไร?

ฟลุ๊ค : เราเกิดมาแล้ว เราก็ต้องใช้ชีวิตไปตามนั้น หนูก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะโดนว่าหรือโดนอะไรไหม แต่ว่าชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป นี่ก็คือพ่อเรา นี่ก็คือแม่เรา

ตอนเด็กโดนล้อไหม?

ฟลุ๊ค : ไม่โดนนะคะ ถ้าโดนจริงจังไม่เคยเจอ แต่จะมีบ้างที่เขามาขำมาอะไรพ่อเรา แต่เราก็เข้าใจ พ่อเราเป็นตลก พ่อเราสร้างเสียงหัวเราะให้คน

ป๊อบ : วิถีเขาสองคนพ่อ ลูก กินข้าวเย็นน้องฟลุ๊คไปกับแม่ คุณ​ สุเทพ​ ไปอีกคันหนึ่ง พอกินข้าวเสร็จเขาจะรู้ว่าพ่อเขาต้องไปทำงาน คือเขาเรียนรู้มาเองมากกว่า

แล้วแม่อธิบายเรื่องโครโมโซนของพ่อให้กับลูกตอนไหน?

ป๊อบ : จะคุยกัน จะเล่าให้เขาฟัง แต่เขาไม่เคยถามว่าทำไมพ่อถึงหน้าแบบนี้ แล้วเราก็ไม่เคยถามลูกว่าอายไหม ไปโรงเรียนมีเพื่อนล้อไหม จนทุกวันนี้ไม่เคยมีคำนั้นออกจากปากแม่เลย แล้วไม่รู้สึกด้วยว่าลูกอายหรือไม่อาย เราตอบได้ว่าลูกไม่อาย เพราะดูจากพฤติกรรมที่ลูกแสดงออก เขาไปห้างด้วยกันไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เขานัวเนีย เขากอด จนหนังสือกอสซิบไปเห็นแล้วถ่ายข้างหลัง แล้วลงในหนังสือว่าตลกหน้าผีควงนักศึกษา คือฮามาก มันคือลูก แล้วพี่อยู่ข้างหลัง พี่ไม่ได้เดินกับเขา มันเลยเป็นพฤติกรรมที่พี่คิดว่าลูกพี่ไม่น่าจะมีปัญหา

ตอนนี้น้องฟลุ๊คทำงานอะไร?

ฟลุ๊ค : เป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์โรคระบาดใหม่ โรงพยาบาลจุฬาฯ

เราวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องอะไร?

ฟลุ๊ค : ตอนนี้กำลังวิจัยเกี่ยวกับตัวคัดกรองตรวจโควิดอย่างหนึ่ง อันนี้ยังเป็นวิจัยอยู่นะคะ เหมือนถ้าเขาเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่ๆ เจ้าของอาจจะไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะส่งตรวจทุกคน เพราะว่าค่าน้ำยามันก็แพง อันนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มาช่วยคัดกรองเบื้องต้น อย่างสมมติว่าเราคัดกรองให้เขาแล้ว เขาพบแค่กลุ่มนี้ที่มีความเสี่ยง เขาถึงค่อยส่งแค่กลุ่มนี้ไป ก็จะช่วยลดคอร์สของเจ้าของโรงงานได้

การเป็นนักวิจัย เราอยากเป็นเอง หรือพ่อแม่อยากให้เป็น?

ฟลุ๊ค : หนูอยากเป็นเอง เป็นคนชอบเรียนวิทยาศาสตร์เด็กๆ ชอบการทดลอง ค้นคว้า

ภูมิใจกับลูกสาวขนาดไหน?

ป๊อบ : ภูมิใจมาก เราไม่คิดว่าเขาจะมาได้ถึงขนาดนี้ ตั้งแต่เล็กเราบอกเขาเลยว่าหนูจะต้องฟังแม่จนถึง ม.3  พี่จะเติมให้เขาหมด ไม่ว่าเรียนหรือว่าดนตรี กีฬา คือเอาให้สุด พอม.4 ถ้าไม่ชอบค่อยเอามันออก แล้วตั้งแต่ม.4 จนถึงทุกวันนี้ไม่ยุ่งเลย วันแม่เขาก็มาขอบคุณพี่ ว่าเราทำตามอย่างที่เราพูด เพราะเราคิดว่าตั้งแต่เด็กๆ จนถึง ม.3เนี่ย เด็กมันยังไม่สามารถจะเลือกได้หรอก เพราะมันยังไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี เราเป็นแม่ เราต้องเอาตรงนี้ไปให้เขา แล้วพอเขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ให้เขาเลือกเอง

พ่อลูกเก่งขนาดนี้พี่ว่าอย่างไร?

สุเทพ : เขาจะเป็นเด็กที่แบบไปสอบ ไปอะไรเขาไม่ได้ปรึกษานะ เขาทำเอง ผมภูมิใจมาก

จริงไหมที่จะออกจากวงการแล้วไปขายกะปิ?

สุเทพ : จริงๆ กะปิก็ขาย แต่ออกจากวงการคงไม่ออก จะออกไปทำไม ก็ขายกะปิไปด้วย เล่น​ ตลก​ ไปด้วย

และนี่ก็คือเรื่องราวความรับของ​ สุเทพ​ สีใส​ ที่กว่าจะผ่านอุปสรรค​มาได้ไม่ง่ายเลย แต่ตัวเขาเองก็ได้พิสูจน์​ให้ทุกคนเห็นแล้วว่านี่คือรักแท้​ รักอย่างบริสุทธิ์​ใจ​ ช่างน่าประทับใจจริงๆเลยนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
เป้​ อารักษ์​ เปิดใจความสัมพันธ์​กับ​ มิเรียม​