จากกรณีที่ผู้การร้อยเอ็ด ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เหตุเพจหมอปลา พาดพิงถึง สภ.สุวรรณภูมิ มีส่วนได้ส่วนเสียกับการนำตัวผู้เสพยาเสพติดไปบำบัด ที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี โดยยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีพื้นฐานของความจริง เตรียมแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาท ทั้ง หมอปลา มือปราบสัมภเวสี และ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์
โดย หมอปลา พร้อมกับ ทนายไพศาล และ แม่นิ่ม-แม่นวล รวมถึง บาส หัวหน้าคุมผู้บำบัด ได้มาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับทาง รายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งมี หนุ่ม กรรชัย เป็นผู้ดำเนินรายการ
ถาม : เชื่อไหมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วันนี้เจอ เข้ามาในสตูฯ คุณนั่งเหม่อลอย มันเกิดอะไรขึ้น คุณเครียดหรือเป็นอะไร?
หมอปลา : “ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้ (ร้องไห้) วันแรกที่เราเข้าไปช่วยคน เขาขอร้องเราให้ไปช่วย แล้วภาพที่ปรากฏ ลูกหลานใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่พี่น้องผมเลย เขาบอกว่าอย่าทิ้งผมนะ ผมอยากออกจากตรงนี้ แต่พอภาพถัดมา คนเหล่านั้นกลับไปอยู่ ณ จุดที่มันไม่ใช่ แต่ก็มีอีกหลายคนที่เขาบอกว่าผมไปช่วยลูกเขาออกจากขุมนรกนั้น ถ้าเดินไปกราบได้ผมก็ไปกราบ แม้วันนั้นเขาอยากกราบผม แต่วันนี้ผมอยากกราบเขา (ร้องไห้) มันบอกไม่ถูก เจตนาทุกคนรู้หมด เราเข้าไปเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมามันไม่ใช่ แล้วที่ผมพูดคือลูกหลานเขาพูดทั้งนั้นว่า สภ.นี้รับเงินเขา แล้วผมคนช่วยก็พูดสิ่งเหล่านี้ แล้วสิ่งที่ผมได้มามันคืออะไร”
ถาม : ก่อนหน้านี้หมอปลาพูดจริงใช่ไหมว่า สภ.สุวรรณภูมิ ร้อยเอ็ด อาจมีประเด็นเชื่อมโยงเรื่องน้องๆ ไปอยู่ในวัดท่าพุ?
หมอปลา : “ช่วงเช้าน้องๆ เขาได้ระบาย เขาพูดว่ามันแค่กินเหล้า ทะเลาะกับเพื่อนบ้านแล้วโดนล็อกมา มันแค่ระบาย หลักฐานมีอยู่ในคลิป ในการไลฟ์ เราก็ตกใจ แล้วน้องๆ ให้สังเกตว่า ทำไมร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ถึงมามาก บางหมู่บ้านเป็นสิบๆ คน ทั้งที่บางคนไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มันเป็นแบบนี้ แต่วันนี้พอเขากลับไปแล้ว บางครอบครัวเขาเห็นใจผม จริงๆ ผมไม่เคยคิดแจ้งความ เพียงแค่อยากให้ผู้การจังหวัดเข้าไปดูว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ ไม่รู้ว่าลูกน้องเขาทำแบบนี้ วันนี้เราให้เขาไปตรวจสอบ แต่เขาดันมาตรวจสอบเราแทน ก็มีคนเหล่านี้ที่เห็นความสำคัญของเรา ที่ไปช่วยลูกหลานเขา”
ถาม : หมอปลาก่อนหน้านี้พูดว่า อยากให้ผู้การร้อยเอ็ดไปดูหน่อย ว่าลูกน้อง สภ.สุวรรณภูมิ ไปทำแบบนี้จริงหรือเปล่า?
หมอปลา : “ใช่ ไปดูคลิปเลย ที่น้องระบายตอนออกมาแล้ว แล้วลูกหลานเขาทั้งนั้น ไม่ใช่ลูกหลานเราด้วย เราคนไปช่วยเหลือคน ก็ต้องปกป้องเต็มที่อยู่แล้ว เพื่อให้องค์กรมาตรวจสอบบุคลากรเหล่านี้ ตอนนี้ผมพึ่งใครไม่ได้เลย ต้องพึ่งกองปราบ พอมาเจอแบบนี้คือจุก”
ถาม : ทนายไพศาลโดนด้วย?
ไพศาล : “ข้อกล่าวหาไม่เท่าไร ในฐานะนักกฎหมายเล็กน้อย แต่มุมเรารู้สึกว่ามันจุก คือนักกฎหมายมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน (ร้องไห้) ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ข้อหาเล็กน้อย แต่ยังมีความเป็นคนกันอยู่หรือเปล่า (ร้องไห้) มันดูที่เจตนา เจตนาพวกเราทำอะไร ดูพฤติการณ์พวกเรา เราทำเพื่อช่วยเหลือประชาชนนะ มีหลายคนพูดพาดพิงถึงเรา ว่ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิด ก็ผู้เสียหายเขาให้ถ้อยคำ เขายืนยันข้อเท็จจริง มีหลักฐานมาให้เรา เขาพูดสอดคล้องกันหมด ผมไม่กลัวหรอกคดีพวกนี้ ทนายเขารู้กันหมด แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือประเทศชาติไม่ใช่ของผมคนเดียว แล้วจะอยู่กันอย่างไร (ร้องไห้) สังคมมันเลว เพราะคนดีมันท้อแท้”
ถาม : ณ วันนี้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไรบ้าง?
ไพศาล : “เบื้องต้นที่ทราบคือ หมิ่นประมาท โดยการโฆษณา 328 แต่ไม่เท่าไรหรอก ถึงองค์ประกอบมันครบ แต่เจตนาอย่างไรก็ไม่ครบหรือเปล่า เพราะเราช่วยประชาชน”
ถาม : อีกสองท่านที่มาด้วยกัน แม่นิ่ม เป็นแม่ของใคร?
นิ่ม : “แม่น้องณัฐ”
ถาม : แม่พาน้องณัฐไปอยู่สถานบำบัดแห่งนี้ได้อย่างไร?
นิ่ม : “มีเพื่อนบ้านแนะนำไป แล้วเราก็ไป เขาบอกว่าดีมาก พอไปถึงเขาให้จ่ายเงิน 26,000 ค่ะ เขาแนะนำให้รู้จักกับตำรวจที่อยู่สุวรรณภูมิ”
ถาม : บอกได้ไหมว่าใครเป็นคนแนะนำ?
นิ่ม : “คนที่อยู่บ้านเดียวกันเขาแนะนำค่ะ ตอนที่เขาติดต่อมา เขาบอกว่าเขาเป็นตำรวจเลยค่ะ”
ถาม : เขาแอบอ้างหรือเปล่า?
นิ่ม : “เขาบอกเองเลยว่าเป็นตำรวจ แต่ไม่บอกชื่อค่ะ เขาติดต่อมาหาเรา และพาลูกไปที่กาญจนบุรี”
ถาม : ตอนไปเขาบอกไหมว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
นิ่ม : “เขาบอกจ่ายแค่ 26,000 ก็พอค่ะ แล้วเอามาให้เราเซ็นสัญญาทีหลัง จ่ายครั้งเดียว ต่อมาทางวัดก็ติดต่อมาให้โอนไปให้ค่าขนมลูกเดือนละ 2 พันค่ะ เป็นบัญชีวัดค่ะ”
ถาม : ยืนยันว่ามีการขอเงิน 26,000 จริง เป็นค่าอะไร?
นิ่ม : “เขาบอกว่าให้วัด 12,000 ค่ะ ที่เหลือคงเป็นค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง”
ถาม : ถ้ามองเพื่อความเป็นธรรม อาจเป็นไปได้ว่าเขามีเจตนาที่ดี มีการเงินค่าเดินทาง จากร้อยเอ็ดไปกาญจนบุรี?
ไพศาล : “เขาไปส่งมากี่ครั้งแล้ว เขาไม่เห็นเหรอว่าสภาพความเป็นอยู่เป็นอย่างไร เขาไม่ตรวจสอบเหรอ ในเมื่อเขาเป็นอาสา หรือทางนี้สมัครใจแล้วพูดปากต่อปากว่าที่นั่นมันดี ลูกเขาจะหาย วัตถุประสงค์ที่เขาพาลูกหลานไปที่นั่นเพื่อเลิกยา แล้วคนไปส่งไม่ตรวจสอบสถานที่เหรอ ไม่สอดส่องเหรอว่าคุณภาพชีวิตมนุษย์เป็นอย่างไร อยู่กันแบบไหน”
ถาม : คือทางฝั่งตำรวจอาจบอกว่าเป็นค่าพาหนะในการเดินทาง ค่าน้ำมันต่างๆ นานา แต่มุม หมอปลา บอกว่าเอาค่าน้ำมันไม่ได้ติดใจ แต่ติดใจว่าไม่รู้เหรอวัดท่าพุมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ตรงนี้ที่อยากให้ตรวจสอบ?
หมอปลา : “ที่ร้อยเอ็ดก็มีสถานที่ใกล้เคียงเยอะแยะ อุดรฯ ก็มี ทำไมมาถึงเมืองกาญจน์ ผมว่าคนติดตามข่าวน่าจะรู้แล้ว จังหวัดคุณก็มี คุณข้ามหน้าข้ามตาจังหวัดคุณไปเพื่ออะไร”
ถาม : แม่นิ่มมีหลักฐานไหม?
นิ่ม : “มีสลิปค่ะ เอามาส่งให้ทนายแล้วค่ะ ที่ร้อยเอ็ดคนที่เขาโดนเขาให้เอาเงินไปให้ผู้ใหญ่บ้าน แล้วส่งต่อให้ตำรวจอีกที เขากลัวเก็บหลักฐานได้ค่ะ”
ถาม : เอาเงินให้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านถึงเอาเงินไปให้ตำรวจอีกที แต่ที่คุณโอนนี่คือโอนให้ผู้ใหญ่บ้าน?
นิ่ม : “โอนให้ตำรวจเลยค่ะ เพราะเราอยู่กรุงเทพฯ เลยมีหลักฐานค่ะ”
ถาม : มีหลักฐานเป็นสลิป 26,000 ?
นิ่ม : “และอีก 500 ตำรวจเขาขอค่ะ บอกว่าให้โอนมาจะให้ลูก แต่จริงๆ ไม่ได้ให้ เขาบอกโอนมาเป็นแสนก็ได้นะ เราส่งของไปให้ลูกเยอะมาก แต่ไม่ถึงลูก”
ถาม : ออกมาพูดไม่กลัว ออกมาพูดเพื่ออะไร?
นิ่ม : “ไม่กลัวค่ะ ที่เราออกมาพูดเพราะอยากช่วยน้องๆ ที่อยู่ข้างใน เราเลยไปบอก หมอปลา ให้ช่วย หมอปลา ทำความดีแล้วเป็นแบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะ เราออกมาปกป้อง หมอปลา ค่ะ”
ถาม : มีคนอื่นที่ หมอปลา ช่วยออกมาด้วยเหมือนกัน แล้วไปนั่งแถลงข่าวอยู่อีกมุมหนึ่ง บอกว่า หมอปลา ทำผิด?
นิ่ม : “ค่ะ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ หมอปลา ดีนะคะที่ช่วยน้องๆ อยู่ข้างใน ช่วยกับทนาย”
ถาม : แม่นวล เป็นแม่ของใคร?
นวล : “แม่น้องก้องค่ะ ก่อนพาลูกเข้าไป ลูกป่วยทางจิต ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดเลย ตอนแรกลูกโวยวาย อาการขึ้นๆ ลงๆ แล้วน้องสาวแจ้งตำรวจเอาไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก แม่ก็ตามไป มีตำรวจนายหนึ่งเดินมาถามว่าอยากเอาลูกไปรักษาไหม เราก็อยากให้ลูกไปรักษา ก็บอกว่าลูกไม่ได้ติดยาเสพติดนะ ตอนนี้เขาป่วยเป็นโรคจิตเวช มีคอร์สรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น น้องก้องต้องอยู่ในความดูแลของหมอ เขาบอกที่นี่รักษา มีหมอ พยาบาลใกล้ชิด มีกล้องวงจรปิดอยู่ในห้องตลอด และคุณสามารถรู้ว่าลูกคุณทำอะไรอย่างไร ก็ถามค่าใช้จ่ายเท่าไร เขาบอกค่าใช้จ่ายครั้งแรก 6 หมื่น ด้วยความที่เราไม่มีเงิน ก็ไปปรึกษาลูกสาวคนเล็กที่ทำงานที่กรุงเทพฯ เราบอกว่าแม่จะพาพี่ไปรักษานะ พอเขาถามว่าค่ารักษาเท่าไร แม่บอกว่า 6 หมื่น ลูกสาวคนเล็กก็บอกว่าโห 6 หมื่นเลยเหรอ ค่าอะไรบ้าง”
ถาม : ลูกสาวคุยกับตำรวจ สภ. อะไร?
นวล: “กุฉินารายณ์ กาฬสินธุ์ ลูกสาวก็ค้นหาดู มีสถานที่จริงๆ แต่ข้อมูลเขาไม่ให้เรา เขาไม่ให้ดูข้อมูลข้างใน ก็ถามว่าจะเอาพี่ไปเหรอ เราก็อยากให้ลูกหาย จะได้มีเวลาทำมาหากิน เราก็บอกว่าคนบ้านเราเขาไปตั้ง 4-5 คนนะลูก เราก็อยากให้ลูกไป เราก็ตกลงกับเจ้าหน้าที่ว่าถ้าเอาไปจริงๆ เราไม่มีเงิน ขอผ่อนได้ไหมสองงวด เขาบอกได้ แต่งวดแรกจ่าย 3 หมื่น เราก็โอนให้ ณ วันนั้น”
ถาม : โอนให้ตำรวจ ?
นวล : “ใช่ค่ะ เอ่ยชื่อได้เราไม่กลัว เขาเป็นดาบตำรวจ แล้วพออีกอันหนึ่ง พอ 15 วันเขาบอกให้โอน 3 หมื่น หนูไม่มีก็ขอโอนแค่ 2 หมื่นได้ไหม เพราะเราไม่มี เขาบอกว่าตอนตกลงกันทำไมไม่พูด เราก็ไปกู้ยืมเขามา แต่ได้ 2 หมื่น ก็โอนในนามลูกชายเขา นามสกุลเดียวกัน เขาบอกว่าเที่ยวนี้ให้โอนในนามลูกชาย และเที่ยวสุดท้ายวันที่ 28 ก่อนเกิดเรื่องจะโอนอีก แต่ทีนี้มันเกิดเรื่องก่อน บังเอิญอะไรก็ไม่รู้ เช็กไปเพจคุณหมอปลา ก็ขอร้องให้ท่านช่วย หนูก็พูดไป ท่านก็บอกว่าให้เอาเบอร์โทรไว้ ตอนเช้าแกติดต่อมาจริงๆ บอกว่าอยากคุยกับลูกใช่ไหม หนูก็บอกว่าอยากคุยกับลูก”
ถาม : สรุปจ่ายเงินให้ตำรวจไปจริงๆ 5 หมื่น แล้วดาบตำรวจคืออะไร?
หมอปลา : “อีกคนหนึ่ง เขาไม่กล้าออกรายการ เพราะอยู่บ้านเดียวกับตำรวจคนนั้น”
นวล : “ที่มาไม่ได้กลัว แต่กลัวที่สุดคือพ่อพระคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะเขาทำเพื่อหลายคน ทำไมหลายคนไม่ทำเพื่อเขาบ้าง ณ ตอนนี้เขาถูกกระทำ มันไม่ใช่แล้ว หนูไม่ได้มาเอาผิดตำรวจนะ ที่มาแค่อยากช่วย หมอปลา เขาช่วยเรา ช่วยลูกหนู ก็อยากช่วยเขา เขาไม่ได้ขอเงินหนูเลย”
นิ่ม : “ยอดที่กาฬสินธุ์ เสีย 5 หมื่นเหมือนกัน แต่สลิปอยู่ในมือถือ ส่วนร้อยเอ็ดเขาจ่ายเงินไม่มีสลิป เขาให้ผู้ใหญ่บ้านค่ะ”
ถาม : อยู่ในสายกับ ทนายเดชา เป็นคนขึ้นเฟซบุ๊กก่อนเลยว่า หมอปลา จะโดนแจ้งความ ทราบได้อย่างไร?
เดชา : “ผมได้คุยกับท่านผู้การร้อยเอ็ด และผู้กำกับสุวรรณภูมิ สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเห็นเป็นข่าวเลยสอบถามดู”
ถาม : มองอย่างไร?
เดชา : “ก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ผมอยากให้นำเสนอเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทุกคน ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน”
ถาม : บางมุมมองว่าพี่เดชาเป็นคนรวบรวมหลักฐานให้ตำรวจจริงไหม?
เดชา : “ไม่จริงหรอกครับ ผมแค่โทรศัพท์ไปสอบถาม ไม่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพราะเขามีทีมกฎหมายอยู่แล้ว และได้รายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงก่อนมาแจ้งความ มีการประชุมกันทุกวันก่อนแจ้งความ ประชุมถึงสี่โมงเย็น ผมไม่ได้มีเรื่องอะไรกับหมอปลา”
ถาม : พี่ไพศาลอยากคุยอะไรกับทนายเดชา?
ไพศาล : “ขอบคุณอาจารย์เดชาและอัจฉริยะ ที่พูดถึงผม แต่อยากให้ดูเจตนาผม เราเป็นทนายด้วยกัน (ร้องไห้) ทนายไม่ได้มีหน้าที่ว่าความอย่างเดียว มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนด้วย อะไรล่วงเกินไปก็ฝากขอโทษอาจารย์กับอัจฉริยะไว้ตรงนี้”
เดชา : “ครับ พี่ไม่ได้ติดใจน้องไพศาล หรือหมอปลานะ รู้จักกันดีนะ ผมไม่ได้อยู่เบื้องหลังให้ตำรวจไปแจ้งความนะ”
หมอปลา : แต่ผมติดใจอาจารย์นะ อาจารย์รู้ทุกซอกทุกมุมทั้งที่ไม่ใช่หมอดู ติดใจตรงนี้ แล้วอาจารย์ให้คำปรึกษาเขาไหม”
เดชา : “ไม่ๆ ผู้การเขามีความรู้ดีอยู่แล้ว เขามีทีมกฎหมายดูแล ผมไม่ได้เกี่ยวอะไร”
หมอปลา : “อาจารย์คบกับผู้กำกับไหม”
เดชา : “ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
หมอปลา : “แล้วโทรไปหาทำไม”
เดชา : “ก็เป็นข่าว ผมเลยโทรศัพท์ไปถามอยากได้ข้อมูล”
หมอปลา : “คือไปวุ่นวาย อยากมีแสงไหม”
เดชา : “ไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ได้”
ถาม : พี่เดชาไม่มีส่วนรู้เห็น?
เดชา : “ไม่รู้เห็น ผมไม่เคยรู้จักผู้การ ผู้กำกับมาก่อน ผมแค่อยากให้เสนอข่าวให้ครบ เพราะมีตำรวจแจ้งมาว่าการนำเสนอข่าวด้านเดียวไม่เป็นธรรมกับเขา แล้วที่สำคัญผมไม่จำเป็นต้องหาแสง ผมมีแสงอยู่แล้ว”
ถาม : อยู่ในสายกับ พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ สมใจ ผู้กำกับการ สภ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เรื่องหมอปลา ดำเนินคดีแน่นอน?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ใช่ครับ”
ถาม : ที่ดำเนินคดี ถ้อยคำหมอปลาที่พูดออกไปตรงจุดไหนทำให้ สภ.ไม่สบายใจ?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำรวจสุวรรณภูมิเลยครับ แล้วไปพูดเหมารวมตำรวจทั้งโรงพัก ทำให้ตำรวจสุวรรณภูมิทุกท่านในโรงพักได้รับความเสียหายครับ”
ถาม : อย่างเช่นคำไหนบ้างที่รู้สึกไม่สบายใจ?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “เช่น ตำรวจชุดจับกุม ชุดเดิมๆ หน้าเดิมๆ อาสาที่ไปส่งก็หน้าเดิมๆ ทั้งนั้น หากินกันเป็นขบวนการ อะไรแบบนี้ครับ”
ถาม : ตอนนี้คุณแม่ท่านหนึ่ง ชื่อแม่นิ่มนั่งอยู่ในรายการ เขาบอกเขาจ่ายเงินให้ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ ไปด้วย มองอย่างไร?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “เรื่องนี้ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน อย่างผมก็มั่นใจว่าตำรวจทั้ง สภ.สุวรรณภูมิ ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย”
ถาม : กรณีที่ไปแถลง มีคุณแม่บางท่านไปนั่งอยู่ด้วย แล้วบอกว่ามีการจ่ายเงินให้อาสาไปจริง แต่เป็นค่าน้ำมัน?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ใช่ครับ”
ถาม : ประชาชนสงสัยว่าทำไมอาสาของสุวรรณภูมิ ต้องมีการส่งผู้บำบัดไปท่าพุ?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “การที่จะเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน จะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน เขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ตำรวจสั่งการเท่านั้น ถึงจะถือว่าเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน แต่กรณีที่เขาไปส่งเอง ถือว่าเขาดำเนินการในฐานะส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ”
ถาม : หมอปลาอยากบอกอะไร?
หมอปลา : “ท่านได้ดูไหม หลายคนออกมาพูดว่าเขาทะเลาะเบาะแว้งก็โดนจับมาส่ง เด็กเขาระบายว่าอย่างไรบ้าง แล้วท่านได้ดูคลิปไหม”
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ผมยังไม่ได้ดูครับ”
ถาม : หมอปลาบอกว่ามีบางคนที่เขาพูดเรื่องนี้ จากคนที่เขาเสียหายจริงๆ?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “บางทีเหรียญมีสองด้านเสมอ บางครั้งน่าจะมาสอบถามญาติพี่น้องทางนี้เขาบ้าง ถ้าเขาไม่อยากให้เอาลูกไปบำบัด ทางนี้คงไม่ยอมเสียเงินเอาลูกไป บางทีต้องมาลองสอบถามญาติพี่น้องดูบ้าง เพราะบางทีอาสาเขาก็แค่รับจ้างไปส่งที่บำบัด แต่เขาไม่รู้ว่าที่บำบัดเป็นอะไรอย่างไร”
ถาม : แล้วที่อาสาส่งไปหลายคนแล้ว เขาไม่รู้เลยเหรอว่าเป็นอย่างไร?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ตามที่อาสาแจ้งมา เขาส่งได้แค่ด้านหน้า ส่วนในวัดเขาไม่ให้เข้าไปใกล้”
ถาม : ที่ใกล้ๆ ฟรีๆ ก็มี ทำไมไม่ไปส่ง?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “พ่อแม่ผู้ปกครองเขาอยากให้ไปตรงนี้ เพราะเป็นหลักสูตร 1 ปี”
ถาม : เป็นไปได้ไหม อาสาอาจไปหลอกเขาว่าดี เขาเลยพาไปที่นี่?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ผมว่ามีเด็กหลายคนไปรักษาแล้วหายก็มีครับ ที่อาสาเขาแจ้งมาเหมือนพ่อแม่ผู้ปกครองที่ผมถามแต่ละคน เขามาขอร้องไป เขาก็ไม่ได้อยากไปมาก เพราะการเดินทางไม่คุ้มค่าอยู่แล้ว”
ถาม : สามารถไกล่เกลี่ยได้ไหมกับ หมอปลา กับ ทนายไพศาล ตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่สบายใจ เหมือน หมอปลา ไปช่วยแต่ถูกฟ้อง โอเคอยากแยกส่วนกัน แต่จะไกล่เกลี่ยได้ไหม เพราะต่อไปอีกหน่อยจะไม่มีใครอยากช่วย เพราะช่วยปุ๊บมีอะไรขึ้นมาแล้วโดนฟ้อง?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “เรื่องนี้ให้ผู้พิพากษาเป็นคนตัดสินดีกว่า ถ้าไกล่เกลี่ยไปก็จะมองว่าตำรวจสุวรรณภูมิ ไปทำผิดจริง รับจริง อยากให้อย่างน้อยๆ ไปไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ว่ากันไปตามพยานหลักฐานดีกว่า”
ไพศาล : “อยากฝากท่านว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานมาเพื่อตั้งข้อกล่าวหาพวกผม อยากให้ท่านรวบรวมพยานหลักฐานเรื่องส่งเด็กไปศูนย์บำบัดในเขตรับผิดชอบของท่าน ขอให้ดำเนินการไปพร้อมกันทั้งสองด้าน”
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ก็คงต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายอยู่แล้วครับ”
ถาม : เขาบอกเขาจุกเหมือนกัน เพราะเขาไปช่วยคนแล้วโดนแบบนี้ แต่เข้าใจท่านว่าต้องแยกกัน ช่วยก็ส่วนช่วย เรื่องถูกพาดพิงทำให้เสียหายก็อีกเรื่องหนึ่ง?
พ.ต.อ. ณภัทรพงศ์ : “ครับ”
ถาม : ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร?
หมอปลา : “เขายังไม่ได้ดูคลิปเลย คลิปวันที่ 2 ที่ถามเด็กว่าโดนอะไรมา เขาบอกทะเลาะกับเพื่อนบ้านก็โดนหิ้วมา นอนอยู่ในมุ้งก็โดนหิ้วมา เขายังไม่ได้ดูคลิปเลย ข้อมูลทั้งหมดคือเด็กเหล่านั้นเป็นคนพูดว่าโดนกระทำอย่างไร ไม่ใช่หมอปลาพูด พอเข้าหูเรา เราก็ตั้งข้อสังเกตเป็นแบบนี้ได้อย่างไร เขาถามทำไมไม่ฟังผู้ปกครอง ก็ผู้ปกครองยังไม่เคยรู้เลย เด็กที่ออกมาได้ก็อยากระบายสิ่งที่โดนกระทำ แต่พอมีการเซ็ตฉากเกิดขึ้นมันก็ต้องเปลี่ยนคำพูด แต่ไม่เห็นหน้าเด็กชุดที่เล่าให้ฟังนะ อันนั้นชุดไหนก็ไม่รู้”
ถาม : บาส หัวหน้าคุมผู้บำบัด เป็นพ่อบ้านอยู่ในนั้น เข้าไปได้อย่างไร?
บาส : “คุณแม่พาไป ครั้งแรกคุณแม่หลอกไป เพราะคิดว่าเสพยา อยากให้หาย เคยเสพจริง แต่ไปบำบัดที่ธัญลักษณ์มาแล้ว แต่แม่คิดว่ายังเสพอยู่ก็เลยพาไป”
ถาม : เรื่องตำรวจที่เกิดขึ้น?
บาส : “เข้าวัดก็มี 12,000 บาทแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วมีค่าพาไปอีก แล้วแต่อาสาแต่ละชุดจะเรียกไป แต่ละคนไม่เท่ากัน ผมทราบเพราะหนึ่งตอนรับตัวผมอยู่ตรงนั้น ได้ฟังจากคนรู้จัก และคณะกรรมการที่อยู่ที่นั่นด้วย อย่างแรกที่เห็น 14,000 อยู่ 1 ราย ปกติ 12,000 เป็นค่าแรกเข้า ซึ่ง 12,000 บาท เข้าวัดอยู่แล้ว พันบาทแรกค่ายาสีฟัน แปรงสีฟัน ค่าสบู่ พันที่สองเป็นค่าเสื้อผ้า ก็เกินมาอยู่แล้ว ส่วนอาสาบางกรณีที่จับมาก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ บางคนอาจเรียก 4 พัน 8 พัน หมื่นนึง”
ถาม : เป็นอาสาอะไร?
บาส : “เป็นมูลนิธิที่อยู่ในศูนย์ก็มี ตำรวจก็มี”
ถาม : มีหลักฐานไหม?
บาส : “ฟังจากคำบอกเล่า แล้วคนที่ถูกจับมาเขาทราบว่าต้องเสียเท่าไร”
ถาม : แม่นวล จะเอาอย่างไรต่อไป?
นวล : “แล้วแต่ทนายจะช่วย ยืนยันจะเป็นพยานให้ เพราะถ้าไม่ช่วยวันนั้นคงไม่ได้เป็นเหมือนวันนี้ที่ออกมาได้”
ถาม : คนที่นั่งแถลงข่าวกับตำรวจสุวรรณภูมิ รู้จักไหม?
นิ่ม : “ไม่รู้จักค่ะ เป็นคนละอำเภอค่ะ”
ถาม : หมอปลาจุกมาก คนเหล่านั้นไปช่วยมา บอกว่าอย่าทิ้งๆ แล้วพอมาวันนี้เขาไปนั่งอยู่ฝั่งโน้นบอกว่าคุณทำผิดจริง?
หมอปลา : “ก็จุก วันนั้นคุณขอร้องเราว่าอย่าทิ้ง เราไม่ได้นอนยันสว่าง แล้วเราหาน้ำหาท่าให้กินทุกอย่าง เราจุกมาก ทั้งที่ไม่ใช่ลูกหลาน เรารู้สึกว่าแหมือนเขากำลังจะจมน้ำตาย เราจะทำอย่างไรให้เขารอดออกมา”
ถาม : จะช่วยคนต่อไปไหม หลังดอกนี้ไป?
หมอปลา : “ต้องกลับไปทบทวนตัวเอง ทำแล้วได้อะไร เคสนี้ทำแล้วไม่ได้เงินอยู่แล้ว ต้องกลับไปคุยกับครอบครัวว่าจะเลิกหรือทำต่อ ถ้าขืนทำต่อผมโดนอีก (ร้องไห้) ผมพูดโกหกคนไม่เป็น ผมต้องพูดความจริง ถ้าออกไปพูดความจริงแล้วผมโดน คดีไม่ได้ใหญ่โตหรอก แต่ความรู้สึกผม มันไม่ใช่”
ถาม : ทนายไพศาลล่ะ?
ไพศาล : “อยากฝากทุกท่านว่ามีศีลธรรมให้มากกว่านี้ ทุกท่านที่เกี่ยวข้องที่จะทำร้าย ทำลายชีวิตคน”
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ ก็ยังยืนยันว่าจะแจ้งความเอาผิด หมอปลา และ ทนายไพศาล เหมือนเดิม เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรคืบหน้า แอดจะรีบนำมารายงานให้ได้ทราบอีกครั้งนะคะ