ออฟฟี่ แม็กซิม เปิดใจ 3 ปีที่หายไป ชีวิตพัง-ติดพนัน-เสียคนรัก

ออฟฟี่ แม็กซิม ทำคลิปเปิดใจ ตอบแบบหมดเปลือกกับ 3 ปีที่หายไป ยอมรับติดการพนันเสียเงินหลายล้าน พร้อมเผยทั้งน้ำตา สูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งคนรัก

หายหน้าหายตาไปนานมากสำหรับอดีตพริตตี้เงินล้าน ออฟฟี่ แม็กซิม เนื่องจากเจอเรื่องดราม่าโกงเงินบริจาค รวมถึงมีคนออกมาแฉเรื่องราวต่างๆ ส่งผลให้ ออฟฟี่ ต้องหายจากโลกโซเชียลไปโดยปริยาย แต่ล่าสุดสาว ออฟฟี่ ก็ได้ทำคลิปเปิดใจ หลังหายไป 3 ปี ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และหายไปทำอะไรมาบ้าง โดย ออฟฟี่ เล่าว่า

“ในปีแรกที่โดนคนด่าทั้งประเทศ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล รับไม่ได้จนต้องบอกหมอว่าขอฉีดยานอนหลับ พอตื่นปุ๊บก็ขอฉีดยานอนหลับอีก รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย กินยาไป 100 กว่าเม็ด แบบไม่อยากตื่นมาแล้ว ในนั้นเขาจะไม่ให้แตะโทรศัพท์เลย เพราะการแตะโทรศัพท์ทำให้อารมณ์สวิงได้ เราถึงขั้นต้องลบแอปพลิเคชั่นต่างๆ ออก เพราะเข้าไปก็มีแต่คนด่า แล้วเราเผลอไม่ได้ที่จะเข้าไปอ่าน มันเลยทำให้เราดิ่งลงเรื่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกมืดไปหมดเลย เหมือนชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว มีแต่คนสาปแช่งและมีคนคอมเมนต์แรงมาก

ตอนอยู่ในช่วงการรักษา พอเรากินยาเสร็จก็อาละวาด หมอบอกว่าอัตราการฆ่าตัวตายประมาณ 97% อาการเหมือนกับไบโพลาร์และซึมเศร้า บางทีเราถึงขั้นผลักคุณพยาบาล โวยวายจะเอาโทรศัพท์และอยากออกไปข้างนอก แต่เดินไปก็ไม่มีทางออก เพราะประตูล็อก 3 ชั้น ส่วนตอนนี้อาการปกติดีจนคุณหมอดีใจ ที่เรากลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้ว ทำงานได้ คิดบวกขึ้น เลยรู้สึกว่ามันคือบทเรียนทำให้เห็นข้อเสียของตัวเองว่าอยู่ตรงไหนช่วงรักษาตัว น้ำหนักขึ้น 70 กิโลกรัม ออฟฟี่ เล่าว่า “ช่วงปีแรกน้ำหนักยังไม่ขึ้น เพราะเครียด มาปีที่ 2 ก็มาเรื่องโควิด และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกจากบ้าน เราอยู่บ้านก็หาอะไรทำที่มีความสุขกับตัวเอง เราไม่แตะโทรศัพท์ เรามีความสุขกับการกิน มาช่วงปีที่ 3 น้ำหนักขึ้นมาประมาณ 71 กิโลกรัม เป็นครั้งที่เราอ้วนที่สุดแล้ว”

ช่วงรักษาตัว น้ำหนักขึ้น 70 กิโลกรัม ออฟฟี่ เล่าว่า “ช่วงปีแรกน้ำหนักยังไม่ขึ้น เพราะเครียด มาปีที่ 2 ก็มาเรื่องโควิด และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกจากบ้าน เราอยู่บ้านก็หาอะไรทำที่มีความสุขกับตัวเอง เราไม่แตะโทรศัพท์ เรามีความสุขกับการกิน มาช่วงปีที่ 3 น้ำหนักขึ้นมาประมาณ 71 กิโลกรัม เป็นครั้งที่เราอ้วนที่สุดแล้ว”

กับเรื่องที่ว่าเงินหมดไปกับผู้ชาย การพนัน และดื่มแอลกอฮอลล์ ออฟฟี่ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง “อันนี้เรื่องจริงค่ะ น่าจะปีที่ 2 ที่เริ่มสตรองขึ้น สตรองในที่นี้ไม่ใช่ว่ากล้าเผชิญหน้ากับสังคมนะ แต่กล้าที่จะอยากไปเมา ไปเมาแล้วเวลานอนเราก็ไม่ต้องคิดอะไร แล้วก็ติดการพนัน เล่นไพ่เสียเป็นล้าน เสียหลายล้านมาก คือใช้ชีวิตแบบเสเพล ใช้ชีวิตแบบนี้มาเกือบปี”

กับเรื่องเงินบริจาคที่มีข่าวว่าเคยโกง ออฟฟี่ ขอเคลียร์แบบชัดเจนว่า “เรื่องเงินบริจาค ออฟฟี่ ขอพูดจากใจจริง และยืนยันคำเดิมหลังจากที่ไปออกโหนกระแสมาว่า ออฟฟี่ พูดจริงมาตลอดว่าเกิดจากความสะเพร่าของตัวเอง คือตอนนั้นทำงานเยอะแล้วดันใช้บัญชีส่วนตัวไปรับในเรื่องของการบริจาคเข้ามา แล้วทีนี้กลายเป็นเงินไปรวมกัน แต่จริงๆ เราคิดว่ายอดบริจาคมันจะดูน้อยๆ แล้วเราจะบวกยอดน้อยๆ ส่วนยอดเป็นแสนอันนั้นจะเป็นเงินของเรา อะไรอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้ทำให้มันถูกต้องโดยการชี้แจง ซึ่งขอยืนยันว่าเราไม่มีจิตคิดจะโกงเงินอะไรแบบนั้นเลย แต่ว่าครั้งนั้นมันพลาด ไม่แปลกหรอกค่ะที่คนจะคิดว่าเราโกง เพราะว่ามันเกี่ยวกับเรื่องเงิน ถือว่าครั้งนั้นเป็นจุดต่ำสุดในชีวิต ทำให้เราเสียชื่อเสียงไปเลย จากที่เคยทำงานทุกวันก็ไม่มีงานเลย ตอนนี้คิดว่าทุกอย่างเป็นบทเรียน และมันทำให้ออฟเปลี่ยนไปในทางที่ดี หลังจากนี้อยากให้ทุกคนดูออฟไปเรื่อยๆ ว่าออฟเปลี่ยนไปจริงหรือเปล่า”

3 ปีที่ผ่านมาสูญเสียอะไรไปบ้าง ออฟฟี่ เปิดใจทั้งน้ำตาว่า “ที่เกิดเรื่องขึ้น มันสูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งคนที่รัก เขาเป็นคนดีมากๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้ นั่นก็คือพ่อของลูก แต่เราทำตัวเอง ช่วงที่เกิดเรื่องทะเลาะกัน เราไม่กลับบ้านเลย แต่เขานอนบ้านทุกวัน พอเราจะเข้าบ้าน เราก็โทรไล่เขาออกไป ยอมรับว่าเราเป็นคนไม่ดีมาก เจ้าชู้ คบซ้อน ทั้งที่มีลูกด้วยกันแล้ว และเขาก็ทำหน้าที่สามีที่ดีมากๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่มีวันทำแบบนั้นเลย”และสุดท้าย ออฟฟี่ ได้กล่าวว่า “อยากขอโทษทุกคนที่ออกมาพูด อยากขอโทษที่ผ่านมามันแย่จริงๆ และก็ขอบคุณด้วย เพราะมันทำให้เป็นบทเรียน และทำให้เราได้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้”

ท่ามกลางบรรดาแฟนคลับที่เข้ามาคอมเมนต์และส่งกำลังใจให้กับ ออฟฟี่ กันเพียบ พร้อมบอกว่าคนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด แล้วใช้ชีวิตให้มีความสุข บางคนก็บอกว่าถ้าผิดแล้วกลับตัว ก็ยอมให้อภัย หลังจากนี้คงต้องติดตามต่อไปว่า ออฟฟี่ จะกลับมาผลิตคลิปหรือผลงานอะไรให้ชาวเน็ตและแฟนคลับได้ชมกันอีก เราคงต้องรอดูกันค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
ลูกเกด เมทินี เผยความรู้สึกที่มีต่อกกลุ่ม LGBTQ+