เก่ง ชาติชาย เผยเส้นทางรัก คบสาวนอกวงการนาน 23 ปี รับ ไม่คิดมีทายาท

เก่ง ชาติชาย เผยเส้นทางรัก คบสาวนอกวงการนาน 23 ปี รับ ไม่คิดมีทายาท พร้อม เล่าวีรกรรม สุดแสบสมัยวัยรุ่น

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถที่มีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่อง โลดแล่นอยู่ในวงการมานานกว่า 28 ปี สำหรับ เก่ง ชาติชาย ใครจะไปเชื่อว่า สมัยวัยรุ่น หนุ่มคนนี้ แสบมาก ย้ายมหาวิทยาลัยถึง 4 ที่ วันนี้หนุ่ม เก่ง เขาจะมาเปิดใจ เล่าวีรกรรม ต่างๆของตัวเอง ผ่านรายการ คุยแซ่บshow นอกจากนี้ เผยเส้นทางรัก คบสาวนอกวงการนาน 23 ปี แต่ ไม่คิดมีทายาท อีกด้วย เจ้าตัวเผยว่า

ถาม : เห็นว่ากว่าจะมีวันนี้ ผ่านอะไรมาเยอะมาก ลองเท่าให้ฟังหน่อย?

เก่ง : ตอนนั้นเรียนอยู่ที่โรงเรียน แล้วไปเล่นกีฬา ก็เล่นอยู่กับพี่ท็อป พี่ไทด์ ที่บ้านอยากให้รับราชการตำรวจ คราวนี้พอเราไปอยู่ในกฎระเบียบอะไรต่างๆ เราไม่ใช่เด็กเรียน เพราะเราเล่นกีฬา เอ็นเนอร์จี้มันสูง เราก็อยากทำอะไรที่มันสนุกๆ ตามภาษาผู้ชาย ก็เรียนหนังสือไม่ค่อยเก่ง คุณแม่ก็เลยบอกว่าอย่างนั้นก็ออกมาเรียนอำนวยศิลป์แล้วกัน มันยังต่อสายวิทย์ได้ เพื่อที่จะไปสอบสายนายร้อยได้

ถาม : ไม่เรียบร้อย ไม่เกเร แต่ขึ้นศาลมันเรื่องใหญ่อยู่นะ?

เก่ง : ไม่ถึงขนาดนั้น สมัยก่อนเราก็เกเร ไม่ได้รุนแรงอะไรมาก เต็มที่ก็ตีกัน

ถาม : แต่เกือบจะต้องไป แต่หนีทันก่อน?

เก่ง : หนีทันครับ

ถาม : ประสบการณ์ในการเป็นเด็กเกเร มันให้อะไรกับเรา?

เก่ง : เราโตไวกว่าเด็กทั่วไป มันเป็นเรื่องปกติของเด็ก เราได้เจอเหมือนเพื่อนเรา สังคมที่เราเป็นอย่างนี้ มันก็เลยมากกว่าเด็กปกติ จะเรียนรู้ได้เร็ว เราได้เห็นวิสัยทัศน์ เรามีประสบการณ์ชีวิตได้เร็วกว่าเด็กปกติทั่วไป มันไม่ได้สอนแต่วิชาการ ทำให้เรารู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก โตมามันจะกลับกัน ทำให้เรามีระเบียบวินัย เพราะเราผ่านมาแล้ว ผมเป็นคนที่ไปโรงเรียนสายที่สุด ต้องบอกอาจารย์ มีเหตุผลที่ไปสาย เพราะเราเลี่ยงการตีกันตอนเช้า ผมก็ไปโรงเรียนสายทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ยอมโดนตี แต่พอมาในปัจจุบันเป็นคนตรงต่อเวลามากในการทำงานหรือสังคมที่เราอยู่กับผู้ใหญ่

ถาม :เห็นบอกว่าย้ายมหาวิทยาลัยถึง 4 ที่?

เก่ง : ด้วยความเป็นเด็กอำนวยศิลป์เราเรียนกับผู้ชาย แล้วเราก็เลือกเรียนมหาวิทยาลัยที่มีรุ่นพี่ รุ่นน้องไปเรียน เราไม่ได้สนใจวิชาการ ปีแรกเราก็ไปเรียนหอการค้า ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไร ก็ไปเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ เราไม่เคยเรียน แต่เรียนเพื่อได้อยู่กับเพื่อน ปี2 ก็เหมือนเดิมไม่มีความคิดที่จะเรียนก็ไปเข้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็ไปสอบเป็นพิธี แต่ว่าไม่ได้ลงสาขา ก็ได้มนุษยศาสตร์ เอก ไทย ไปปฐมนิเทศ อาจารย์บอกว่า คุณเป็นครูสอนภาษาไทยได้นะ เพราะคุณต้องเรียนภาษาไทยอย่างลึกซึ้ง ซึ่ง 2 มหาวิทยาลัยนี้ที่บ้านเขาเส้น ยัดเข้าไป เราไปเรียนได้ปีเดียว ก็ได้ไปเจอเพื่อน เจออะไร พอปี3 รู้ละ ตอนนั้นมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดังเรื่อง นิเทศ ซึ่งเรายังไม่ได้รู้สึกอะไร ก็ตอนนั้นเรียนนิเทศ เราก็เคยเรียนมาแล้ว ไปรายงานตัวสายอีก เราก็ถูกตัดชื่อออก ก็ไปมหาวิทยาลัยอื่น ปีนั้นเป็นปีที่ว่างทำให้ได้เข้ามาวงการ แล้วก็ได้เรียนรู้ว่าเราชอบอะไรจริงๆ เรารู้สึกว่าเกเรเสียเวลาไป 3 ปีละ เพราะน้องสาวก็นิเทศ ม.กรุงเทพ เหมือนกัน น้องสาวขึ้นปี3 แล้ว เราเพิ่งจะเข้าไปปี1 เราก็เหมือนเกรงใจที่บ้าน เหมือนคิดได้แล้วว่าต้องเรียนหนังสือ

ถาม : แต่ตอนไปเรียนก็ไม่วายมีเรื่องกับรุ่นพี่?

เก่ง : มันก็ไม่เชิง มันเป็นระบบของเขาที่ต้องมารับน้อง ทีนี้ผมเข้าไปแบบ อายุเยอะกว่า พอเข้าไปก็มองว่าผมโตเป็นรุ่นพี่ เป็นหัวโจก ข้าวไม่ต้องไปซื้อเลย นั่งเฉยๆ น้องมันไปซื้อข้าวให้กิน จริงๆ ไม่กล้าไปซื้อเองเพราะคนจะมอง อยากรู้ว่าใคร เพราะมันเหมือนโจรมากตอนนั้นตัวใหญ่ ไม่ใช่เด็กมหาวิทยาลัย ปีแรกเข้ามนุษยศาสตร์ก็ได้เป็นเดือนคณะ เพราะว่าไปรับน้อง เราพยายามจะเรียนแล้วนะ แต่เราเข้าสังคมไม่ได้ ต้องไปตามธรรมชาติของเขา เขาไปรับน้องที่ชายทะเลมั้ง เขาให้เรานั่งรถบัสไป เสร็จเขาบอกให้ผู้ชายถอดเสื้อออกให้หมด เราก็ถอดเสื้อ พอเดินลงมาเหมือนแรมโบ้ ไม่มีใครกล้ารับน้อง สายสิญจน์เต็ม ก็ได้เป็นเดือนคณะเรียนแค่ปีเดียว เราก็ออกไป

ถาม : พี่เข้ามาในวงการบันเทิงได้อย่างไร?

เก่ง : ยุคนั้น ดาราศิลปิน ส่วนใหญ่จะเที่ยวหลังสวน ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวหลังสวนเหมือนคนปกติ ก็จะเห็นดารา นายแบบยุค90 ลูกครึ่งทั้งนั้นเลย ถ้าจำไม่ผิดเหมือนมีใครมาให้นามบัตรนี่แหละ แต่เราไม่ได้สนใจอะไร เขาได้เบอร์เราไป เรียกผมไปแคสตั้งแต่เด็กๆ เราก็ไปแคสตามโปรดักชั่นเฮาส์ต่างๆ เราไปบ่อยมาก พูดตรงๆ เราไม่ได้ถนัดหรือชอบตรงนี้ เป็นคนขี้อาย ไม่ชอบเลย

ถาม : แต่เราก็ได้ ได้เล่นโฆษณาดังๆ 2 ตัวเลย?

เก่ง : อันนั้นเราแคสมานานมากแล้วนะ ยุคนั้นเขาฮิตลูกครึ่งซะส่วนใหญ่ ไม่ใช่หน้าไทยๆ ช่วงนั้นก็แคสมาเรื่อยๆ จนเป็นการบ่มให้เรามีประสบการณ์ พอเราแคสได้ บวกกับหนังสือที่เราเรียน เราเรียนนิเทศโฆษณาด้วย เริ่มรู้สึกสนุก อยากได้โฆษณาดีๆ พอเราได้โฆษณา เราก็ปฏิเสธไม่เล่น พอเราไม่เล่น เราก็ได้แคสโฆษณาที่มีสเต็ปขึ้นไปเรื่อยๆ

ถาม : 2499 ดังไปถึงต่างประเทศ พี่เก่งถูกเชิญให้ไปเดินพรหมเทศกาลหนังเมืองคานส์ คนไทยจะรู้จักพี่เก่งเรื่อง 2499 แต่ต่างชาติจะรู้จักพี่เก่งในเรื่องฟ้าทะลายโจร?

เก่ง : เรื่องนี้คนเขียนบทมีวิธีการเขียนที่ทำให้คนไทยดูได้ด้วย แล้วต่างชาติยอมรับ ซึ่งตอนนั้นมันอาจจะดูเป็นหนังอาร์ต คนไทยอาจจะมองว่าดูยากไหม แต่จริงๆ แล้วดูไม่ยากนะ แล้วแกก็ไม่ส่งหนังประกวดที่ไหนเลย แล้วลักษณะของคานส์เนี่ยคุณต้องไม่ประกวดหนังที่ไหน

ถาม : ความติสท์ของพี่เก่งคือพี่ก็ไม่ไปเดินด้วย?

เก่ง : พอเราได้ไป เราก็รู้สึกดีใจนะ ผมก็อยากไปกับคนที่ทำงานกับผม เหนื่อยกับผม นอนกลางดิน กินกลางทราย ฟ้าทะลายโจร เป็นงานที่โหดมาก แล้วทำไมคนนั้นไม่ได้ไป คนนี้ไม่ได้ไป เราไม่ได้ซีเรียสหรอกก็มีตัวแทนไป เราก็อยากจะไป เราภูมิใจกับคนที่ทำงานกับเรา

ถาม : จริงๆ พี่เป็นคนเจ้าชู้ไหม?

เก่ง : เจ้าชู้ได้ไง ผมเรียนโรงเรียนผู้ชายล้วน ผมไม่เคยเจอผู้หญิงเลย ผมจะไปจีบผู้หญิงไม่กล้าจีบ ด้วยสถาพสังคม เราจีบผู้หญิงไม่เป็น พอเราเข้าวงการ เจอดาราด้วยกัน เจอรุ่นพี่ รุ่นน้อง เจอเพื่อน

ถาม : จริงไหมพี่แอบคบนักแสดงที่เล่นละครด้วยกัน ในขณะที่พี่มีแฟนนอกวงการ?

เก่ง : พอเราเข้าวงการใช้ไหม เราก็ต้องเจอ มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเจอนักแสดงผู้หญิง เราอาจจะได้คุย แล้วพี่เป็นคนที่แบบ ใครนิสัยดีมาคุยกับพี่ คือหน้าตาพี่โหดขนาดนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าคุยกับพี่ พอใครมาคุยพี่ก็ติดเขา ก็คุยกับเขาเหมือนเพื่อน มันก็เลยสนิทกัน พอละครออกเราก็ไปออกรายการ เล่นกับดาราผู้หญิง คนนี้ก็สวย ก็ต้องมีคนที่เป็นสเปคบ้าง เราอาจจะแอบชอบในใจ อย่างที่บอกไม่กล้าจีบ

ถาม : สเปคพี่คืออะไร?

เก่ง : ขาว หมวย

ถาม : ทุกวันนี้โสดไหม หรือมีคนคุย?

เก่ง : มีแฟนแล้วครับตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

ถาม : เวลาที่คบใคร หรือคุยกับใคร เขาจะบอกกับคนคนนั้นว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว แล้วเขาคบกับแฟนเขามา 23 ปี พี่เอาสาลิกาตรงไหนมาพูดให้คนที่เขารู้ว่าพี่มีแฟนอยู่แล้วก็ยังอยากคุย?

เก่ง : ไม่ได้เชิงบอกหรอกครับ อย่างผมคบกับแฟนปัจจุบันมาตั้งแต่เด็กคือคนนอกวงการ

ถาม : การที่พี่เก่งจะคุยหรือสานสัมพันธ์กับคนที่เข้ามาก็จะบอกเขาเลยว่ามีแฟนแล้ว?

เก่ง : คงไม่ได้บอกหรอกครับ จุดเริ่มต้นผู้หญิงก็ต้องถามแหละ พี่คงไม่โสดหรอก เขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเรามี แต่เหมือนกับไม่พูด แต่ว่าเหมือนเราพอใจที่จะคบกันในช่วงตรงนั้น

ถาม : แฟนพี่รู้ไหมว่ามีสาวๆ เข้ามา?

เก่ง : แฟนคบมาตั้งแต่เด็ก เป็นนักศึกษาธรรมดาทั่วไป พอเราเข้าวงการมันก็เหมือนเพื่อน เราเจอคนก็เป็นเรื่องปกติ ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่ได้คิดอะไร ให้โอกาสเรา ให้เราได้ใช้ชีวิตช่วงตรงนั้น ผมเจอเขาในวันที่ผมไปเรียนมหาวิทยาลัยวันแรก เห็นปุ๊บไม่กล้าคุยกับผู้หญิงคนอื่น ถูกชะตา ก็เดินเข้าไปคุยกับเขา แล้วไม่คุยกับคนอื่นเลย

ถาม : ประคองยังไง 23 ปี?

เก่ง : อาจจะเข้าใจกันในสิ่งที่เราทำ คือเข้าใจกันมากกว่า

ถาม : อะไรที่พี่เก่งคิดว่าพี่อ้อยเป็นคนน่ารัก แล้วเป็นคนคนนี้ของเรา?

เก่ง : เราเป็นผู้ชายแบบน้อยที่ผู้หญิงจะเข้าหา บางทีผมจะอยู่ในสังคมแก๊งเซอร์มาตั้งแต่เด็ก มีเพื่อน มีรุ่นพี่ที่จริงๆ อยู่กับผู้ชายเยอะมาก เราชอบการที่ไปไหน มาไหนกับผู้ชายที่มันสุดเหวี่ยง แล้วคือเขาก็นิสัยเหมือนผู้ชายเหมือนกัน ซึ่งไม่ได้มาจุกจิกเรื่องอะไรแบบนี้ ในชีวิตผมก็เป็นอย่างนี้ ก็ไม่เคยมาหึงหวง ไม่เคยอะไรเลย คือรู้นิสัย เห็นมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เราทำให้เห็นตั้งแต่เด็กอยู่แล้วภาพลักษณ์เราเป็นแบบนี้ ทั้งในวงการและนอกวงการ

ถาม : พี่เก่งมีการวางแผนเรื่องการแต่งงาน มีลูกบ้างไหม?

เก่ง : เราคงจะเลยจุดตรงนั้นแล้ว ก็คบกัน อาจจะมีข่าวดีก็ได้ครับ เล็กๆ แต่ว่าเรื่องลูกเราไม่ได้คิดว่าเราจะมี เราอยากใช้ชีวิต ดูแลคุณพ่อ คุณแม่ของแต่ละคนให้ดี แล้วทำตัวเป็นวัยรุ่น ให้มีความสุข

ถาม : อยากบอกอะไรพี่อ้อยหน่อยไหม?

เก่ง : ไม่ตายแล้วครับวันนี้ ไม่โดนเผา

สุดยอดไปเลยนะคะสำหรับความรักของพี่ เก่ง และพี่อ้อย เรียกว่าเป็นความรักที่อยู่กันด้วยความเข้าใจ รักกันมา 23 ปีนี่ไม่ธรรมดาเลยนะคะ ส่วนในเรื่องของ ทายาท นั้น พี่เก่งก็บอกว่า ไม่คิดจะมี อยากดูแลคุณพ่อคุณแม่ให้ดี ทำตัวเป็นวัยรุ่น ใช้ชีวิตให้มีความสุข เท่านั้นก็พอ