แม่ชีจู๊ด แจ้งความกลับ เฟี้ยวฟ้าว กรณีแตกหักเรื่อง โกงทัวร์พม่า

เปิดใจ แม่ชีจู๊ด อดีตผู้จัดการ เฟี้ยวฟ้าว กรณีแตกหักเรื่อง โกงทัวร์พม่า ยันไม่เป็นความจริง พร้อมแจ้งความกลับ ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต หลัง นักแสดง สาว เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ เข้า แจ้งความ อดีตผู้จัดการส่วนตัวอย่าง แม่ชีจู๊ด เมื่อปีที่แล้ว ด้วยข้อหา หมิ่นประมาท โดยการโฆษณา และยักยอกทรัพย์ ในธุรกิจบริษัททัวร์ที่ทำร่วมกัน

ล่าสุด (19 เม.ย. 65) แม่ชีจู๊ด และทนาย ก็ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องโกงเงินหลักล้าน เรื่องแม่ชีโกงเงินค่าตัว 7 หลัก เรื่องฉ้อโกง รวมหัวกับบริษัทเอเจนซี่ตั๋ว และอีกหลายๆเรื่อง พร้อมนำหลักฐาน แจ้งความ กลับ นักแสดงสาว โดยตั้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ว่าด้วยการแถลงข่าวเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

โดยแม่ชีเผยว่า “เขาบอกว่าแม่ชีไปใส่ร้ายทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง อยากจะบอกว่าแม่ชีก็มีสังคม และมีธุรกิจส่วนตัว ทำบริษัทออร์แกไนเซอร์มาเป็น 10 ปี ไม่ใช่ไม่มีงานทำ ครอบครัวแม่ชีอย่างคุณพ่อ สมัยก่อนก็มีชื่อเสียงในวงการสื่อ สิ่งที่เขาออกมาพูดทำให้ครอบครัวแม่ชีเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่สิ่งที่เสียใจที่สุด คือแม่ชีรับรู้ว่าเขา แจ้งความ กล่าวหาคุณแม่ของแม่ชีคดีฉ้อโกง ซึ่งปีนี้คุณแม่อายุ 80 ปีแล้ว จิตใจเขาทำด้วยอะไร แม่ชีอยากออกมาเรียกร้องสิทธิ์เพื่อปกป้องคุณแม่ ธุรกิจที่ทำด้วยกันมาทุกอย่างเคลียร์ไปหมดแล้ว มีหลักฐานทุกอย่าง ไม่เข้าใจว่าสนิทกันมา 7 ปี เขาใส่ร้ายแม่ชีไม่พอ มาทำกับคุณแม่ของแม่ชีได้อย่างไร แม่ชีว่าเรื่องนี้ไม่มีการเข้าใจผิดหรอก แต่ไม่รู้ว่าเขาทำเพื่ออะไร ทุกคนรู้แก่ใจตัวเอง ไม่มีใครรู้ดีเท่าเราสองคน วันนี้เรามีปัญหากัน แต่แยกกันดีๆ ไม่ได้เหรอ แม่ชีรู้จักเขามาเกือบ 20 ปี สนิทกันมากๆ และอยู่ด้วยกัน 24 ชม. มานานถึง 7 ปี วันหนึ่งมีปัญหากันก็แยกย้ายดีๆ ได้ไหม ”

แม่ชีกล่าวต่อว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ชีดูแลเขา แม่ชีไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยได้เงินเดือน ไม่เคยได้ส่วนแบ่งใดๆ ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว เราช่วยดูแลเขาด้วยความเป็นห่วง ขับรถพาเขาไปทุกอย่าง จะไปถามใครที่ไหนก็ได้ แม่ชีเป็นห่วงเขามาก แต่หลังจากที่มีปัญหากัน เขากลับไปบอกให้คนอื่นฟังว่าเขาให้เงินเดือนแม่ชีเดือนละ 50,000 ให้โบนัสปีละเป็นแสน ความจริงไม่เคยได้ และก็ไม่คิดจะเรียกร้อง เพราะดูแลเขาจากใจ แล้วถ้าถามว่าที่ผ่านมาแม่ชีมีรายได้จากไหน แม่ชีมีธุรกิจส่วนตัว บริษัทออร์แกไนเซอร์ที่ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลา 7 ปีที่ที่สนิทกัน ก็ทำธุรกิจด้วยกันหลายอย่าง มีการแบ่งเงินกันจริง แต่ในพาร์ตของผู้จัดการส่วนตัวไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว โดยเราได้มีปัญหา และแยกทางกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เป็นปัญหาส่วนตัว และได้มีการเคลียร์กัน แต่จบแบบไม่ดี ”

ด้าน ทนาย เผยว่า “สำหรับวันนี้ในท้องที่ สน.ประเวศ จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทในการโฆษณา หลังจากแม่ชีทราบเกี่ยวกับการแถลงข่าวของคู่กรณีเลยจำเป็นต้องมาร้องทุกข์ที่สน.นี้ เนื่องจากในข้อความที่แถลงข่าวมีการใส่ร้ายทำให้บุคคลอื่นเข้าใจแม่ชีในทางที่ผิด นอกจากที่เขาออกมาแถลงข่าวแล้วก็ยังมีที่โพสต์ตามเฟซบุ๊ก และไอจีอีก ซึ่งจะอยู่คนละท้องที่ก็จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษไปตามแต่ละท้องที่ไป ”

ต่อมา แม่ชีเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องทัวร์ ว่า “ล่าสุดทางฝั่งเขามาแจ้งความแม่ชี 2 คดี หมิ่นประมาท ว่าแม่ชีไปปลุกปั่นลูกทัวร์ ตลอดเวลาที่ทำทัวร์ด้วยกันแม่ชีเป็นคุยกับลูกทัวร์ทั้งหมด บริษัทไม่ได้มีพนักงาน มีเขา พี่ชาย และแม่ชี ซึ่งลูกทัวร์กลุ่มนี้เป็นลูกทัวร์ที่จะเดินทางไปพม่าเมื่อปี 2563 แต่ไม่ได้เดินทางเพราะมีโควิด พอถึงเวลาไม่ได้เดินทางลูกทัวร์มาเรียกร้องขอเงินคืน แม่ชีก็แจ้งว่าเลื่อนซึ่งก็ดำเนินการเลื่อนจริงๆ ลูกทัวร์บางคนโอเค บางคนก็ไม่โอเค แม่ชีก็โอนเงินคืน เพราะเงินอยู่ที่แม่ชีจริง แต่พอมีปัญหากันแม่ชีก็ไปเคลียร์เอกสารไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อย เสร็จแล้วช่วงที่มีปัญหากัน เขาโพสต์รูปแม่ชีว่าบุคคลนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาแล้ว ไม่มีการเกี่ยวข้องกันแล้ว แล้วที่นี้ลูกทัวร์มาทวงเงินที่แม่ชี แม่ชีจึงได้บอกว่าติดต่อไปทางเขาเลย เพราะแม่ชีไม่เกี่ยวแล้ว แต่ด้วยความที่แม่ชีคุยกับลูกทัวร์มาตลอด ทางลูกทัวร์ก็โทรไปทางนั้นซึ่งทางนั้นแจ้งกับลูกทัวร์ว่าแม่ชีฉ้อโกง และได้ไป แจ้งความ แม่ชีแล้ว เขาบอกว่าเงินอยู่กับแม่ชี เงินอยู่กับพม่า เงินอยู่ที่บริษัทตั๋ว ถ้าลูกทัวร์จะเอาเงินคืนเดี๋ยวเขาจะควักเงินในกระเป๋าคืนให้ 30% ตรงนี้แม่ชีก็มีหลักฐาน แต่ลูกทัวร์พอได้ยินแบบนั้นก็ต้องเข้าใจว่าแม่ชีเป็นคนไม่ดีแล้ว ซึ่งพอเขาไม่คืนลูกทัวร์เต็มจำนวน ลูกทัวร์เหล่านั้นเลยต้องมาขอความช่วยเหลือจากแม่ชี แม่ชีก็ต้องเล่าเรื่องจริงให้ฟัง พร้อมแนะนำให้ลูกทัวร์ไปเรียกร้องเงินคืนจากทางเขา แล้วถ้าไม่ได้คืนก็ให้ไปร้องเรียนกรมการท่องเที่ยวแล้วกัน เดี๋ยวแม่ชีจะประสานให้ จนวินาทีสุดท้ายที่เขารู้ว่าจะไปร้องเรียน เขาถึงคืนเงินลูกทัวร์แต่ไม่คืน 100% ”

ทั้งนี้ แม่ชีเผยว่าหลังจากเกิดเรื่องเคยมีการโทรไปคุยกับ เฟียวฟ้าว แล้ว พร้อมเล่ารายละเอียดว่า “โทรไปหาเขาอยู่ว่าพอเถอะ ถ้าไม่พอแม่ชีขอออกมาพูดความจริงบ้างนะ เขาตอบกลับมาว่าไม่ต้องมาขู่ กลายเป็นว่าแม่ชีไปขู่เขา หลังจากนั้นก็ไม่คุยกันอีก เรื่องว่าจะมีการยอมความกันไหมคงให้ครอบครัวคุยกับทางทนาย แต่อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เคยมีเหตุการณ์นี้กับคนอื่นมาแล้ว จริงๆ ครอบครัวแม่ชีรักเขามาก ไม่อยากให้แจ้งความด้วยซ้ำ แต่อันนี้มันรับไม่ได้กับการที่มาแจ้งความคุณแม่แม่ชีว่าฉ้อโกง ตอนนี้ครอบครัวก็อยากให้ดำเนินการถึงที่สุด ”

สุดท้ายแม่ชีก็ได้ฝากไปถึง เฟี้ยวฟ้าว ว่า “อยากให้เขาพอได้แล้วกับอะไรที่มันไม่จริง แล้วถ้าฝั่งนั้นมีหลักฐานมาอีกก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเพราะตรวจสอบได้อันไหนจริงอันไหนเท็จ แม่ชีเชื่อในกฎหมาย พูดตรงๆ เลยแม่ชียังมีความรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ แต่คนรอบข้างเขาบอกว่ามันถึงเวลาที่แม่ชีต้องออกมาพูดบ้างแล้ว ทั้งที่ความจริงแม่ชีไม่ได้อยากออกมาทำอะไรแบบนี้เลย จริงๆ เขาเป็น นักแสดง ที่น่ารักมาก แต่เรื่องไหนไม่จริงก็พอได้แล้ว ให้สมกับที่เขาบอกทุกคนว่าเขาไหว้พระ เขาปฏิบัติธรรม เขาทำอะไรก็รู้แก่ใจตัวเอง อยากให้เขาหยุดค่ะ ”

เรียกได้ว่าเป็นหนังคนละม้วนเลยนะคะสำหรับกรณีนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไรแอดจะนำมารายงานให้ทราบกันต่อไปนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
เท่ง เถิดเทิง ไม่รู้ข่าวดราม่างานบวชลูกชาย