กลายเป็นกระแสขึ้นมาทันที เมื่อ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ อดีตพระมหาไพรวัลย์ ได้เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยขึ้นแคปชั่นไลฟ์ว่า “พระคำคมกับสีกาขี้น้อยใจ” โดยภายในคลิปมีการพูดระบุว่า
อย่าทำพระศาสนาแปดเปื้อน เป็นคนย่อมมีความอยาก ถ้าอยากก็สึกออกมา จะมีเมียกี่คนก็ได้ไม่ผิดศีลถ้าไม่แย่งของใคร ห่วงพระย้อย ถ้าไม่มีสังคมคอยกดดันอาจต้องกลายเป็นพระเร่ร่อน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เห็นชัดอำนาจและเงินเป็นใหญ่ โดยไม่สนพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการใช้อำนาจ ว่าพระมีเงินเยอะแล้วกร่าง เงินกับยศตัวทำลายพระเลย เป็นพระแค่อย่างเดียวก็ยากแล้ว ถ้าพระจริงๆ จะคิดแบบนี้ แค่ปฏิบัติให้ถูกต้องให้เหมาะสม ฉะนั้นตัวทำลายพระคือเงินกับอำนาจ
ดูจากกรณีนี้พระที่มีตำแหน่งยังไม่ทันสอบสวนเลย ไล่พระออกจากวัดแล้ว กรณีหลวงพี่ย้อยคนออกมาเปิดโปงเพื่อจะรักษาความบริสุทธิ์ของพระศาสนา เปิดเผยความจริงแต่กลับโดนไล่ออกจากวัดเหมือนหลายๆ เคสที่เกิดขึ้น เพราะพอเวลามีอำนาจและบ้าอำนาจ ไม่สนใจความเป็นธรรมอะไรเลย ส่วนหนึ่งเราทุกคนก็ผิดที่ทำบุญ เพราะอยากได้บุญ แต่กลับไม่ได้ดูว่าเงินทำบุญหรือที่เราบริจาคทำบุญไป เพราะอยากได้บุญนั้นถูกนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรหรือไม่ ดังนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรช่วยกันสอดส่อง
อีกทั้ง ไพรวัลย์ ยังบอกอีกว่า ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ กรณีพระคำคม แต่มีคำสั่งกดดันมาจากส่วนกลางให้จัดการหลวงพี่ย้อย ซึ่งไม่รู้ว่าเท็จจริงอย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่คือน่าเกลียดมาก คือพยายามจะใช้อำนาจจากส่วนกลางเข้ามาจัดการ ถ้าไม่มีคลิปหลุด ถ้าไม่มีกระแสสังคมช่วยกดดัน ป่านนี้พระย้อยคงหาวัดอยู่ไม่ได้แล้วเป็นพระเร่ร่อนไปเลย
โดยหลังจากนั้นไม่นาน ไพรวัลย์ ก็ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปอีกครั้งว่า “เพิ่งไลฟ์ด่าพระไปเมื่อกี๊แป๊ปๆ พระมาโปรดถึงบ้านอีกแล้ว 555 ปล. เป็นชาวพุทธที่ดีต้องมีโยนิโสมนสิการนะครับ ต้องแยกแยะได้ ยกย่องศรัทธาในที่ที่ควรยกย่องศรัทธา วิจารณ์ตำหนิ ในที่ที่ควรวิจารณ์ตำหนิ รักษาของดีไว้ จัดการของเสีย นี่คือหน้าที่พุทธบริษัท” ท่ามกลางบรรดาชาวเน็ตและแฟนคลับที่เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย