
จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ ฟ้า พรหมศร วีระธรรมจารี และ นักร้อง ชื่อดัง ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ The Bottom Blues ได้ทำการปราศรัย และร้องเพลงหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 เพื่อเรียกร้องให้ศาลปล่อยตัว นิว สิริชัย นาถึง นักศึกษาธรรมศาสตร์ ซึ่งถูกจับกุมในคดี 112 เป็นเหตุให้ทั้งคู่ ถูกกล่าวหาในข้อหาหลักตามมาตรา 112 ฟ้า เป็นจำเลยที่ 1 และ แอมมี่ เป็น จำเลยที่ 2

ล่าสุด เพจ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า “วันที่ 6 พ.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีของ พรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า และ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ – The Bottom Blues
ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 จำเลยทั้งสองเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดย ไชยอมร ( แอมมี่ ) มีครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจ ในขณะที่ พรหมศร (ฟ้า) มีเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วย และมีเจ้าหน้าที่จากองค์กรสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมสังเกตการณ์
ต่อมาเวลา 9.57 น. หลังศาลพิจารณาคดีอื่นก่อนหน้าเสร็จสิ้น ศาลได้เรียกให้ พรหมศร (ฟ้า) และ ไชยอมร ( แอมมี่ ) ยืนขึ้น ก่อนอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ พรหมศร (ฟ้า) แถลงต่อศาลว่า มีเอกสารเพิ่มเติมที่ต้องการจะยื่นเพื่อให้ศาลประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากทำกิจกรรมตามเอกสารที่จะยื่นเพิ่มเติมนี้ไม่ทันในระหว่างก่อนนัดฟังคำพิพากษา
ศาลแจ้งว่า เอกสารดังกล่าวควรยื่นเข้าไปในระบบก่อนหน้านี้เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ไม่ใช่ยื่นในวันนี้ โดยคำพิพากษาอุทธรณ์ลงมาแล้ว ศาลมีเพียงหน้าที่อ่านเท่านั้น และศาลแจ้งให้ พรหมศร (ฟ้า) ปรึกษากับทนายความ
ต่อมาทนายความจำเลยแถลงว่า ปรึกษาแล้ว จำเลยที่ 1 (ฟ้า) จะไม่ยื่นเอกสารดังกล่าวในวันนี้ ศาลจึงอ่านทวนคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองฟัง ก่อนเริ่มต้นอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ สามารถสรุปได้ดังนี้



- เห็นว่า ส่วนของจำเลยที่ 1 (ฟ้า) ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษเหมาะสมกับพฤติการณ์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่แก้ไข จำเลยที่ 1 มีทัศนคติเป็นปรปักษ์ต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศไทย ไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รอการลงโทษ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
- ในส่วนของจำเลยที่ 2 ( แอมมี่ ) แม้โจทก์มีพยานเบิกความว่าจำเลยที่ 2 ร่วมอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมและขึ้นปราศรัยต่อจากจำเลยที่ 1 แต่พยานหลักฐานของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด พยานโจทก์ยังมีข้อสงสัยอันสมควร ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยที่ 2 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
- ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับพินัยฯ มีผลบังคับใช้ ให้ถือว่าโทษปรับทางอาญาตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ เป็นปรับพินัย เนื่องจากข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ จึงให้ปรับจำเลยทั้งสองเป็นพินัยตาม พ.ร.บ.ปรับพินัยฯ คนละ 200 บาท
- หลังศาลอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ พรหมศร (ฟ้า) จึงชำระค่าปรับเพิ่มเป็นเงินจำนวน 100 บาทกับเจ้าหน้าที่ศาลหน้าบัลลังก์ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลนำตัวไปคุมขังที่ห้องขังใต้ถุนศาลระหว่างรอทนายความจำเลยยื่นคำร้องขอประกันตัวในระหว่างฎีกา
- ต่อมาเวลา 12.37 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีอนุญาตให้ประกันตัว พรหมศร (ฟ้า) ในระหว่างฎีกา โดยให้วางหลักทรัพย์จำนวน 300,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ และศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขการประกันตัวอื่น ๆ เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามเราคงต้องรอติดตามคดีในส่วนของ ฟ้า กันต่อไป หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม แอดจะรายงานให้ทราบกันอีกครั้งหนึ่ง

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน