
จากกรณีก่อนหน้านี้ ที่ได้มีการปรากฏชื่อของนักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดังอย่าง ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง ตกเป็นผู้ต้องหา คดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D โดยเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ใน คดี Forex 3D หลังเจ้าหน้าที่ DSI อ้างมีการตรวจสอบพบปมเกี่ยวข้องกับรถยนต์หรู แอสตัน มาตินที่ถูก DSI ตามตรวจยึดได้ที่บ้านพักที่ จ.ราชบุรี เมื่อปี 2563 ซึ่งเจ้าตัวเองก็ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ล่าสุด ปราปต์ปฎล ก็ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จเกี่ยวกับคดีนี้ โดยได้มีการยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ใน คดี Forex-3D เลย โดยเจ้าตัวเล่าว่า รถยนต์หรู แอสตัน มาตินที่ถูก DSI ยึดไปไม่ใช่ของตนแต่อย่างใด แต่เป็นรถยนต์ส่วนตัวของภรรยาสาว จิ๊กกี๋ ภคมน สีลุน ซึ่งตนเห็นภรรยาใช้รถยนต์คันนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว
โดยเจ้าตัวเผยว่า ตนได้รู้จัก จิ๊กกี๋ เมื่อประมาณปี 58 หลังจากนั้นก็คบหากันอยู่ประมาณ 1-2 ปี ก่อนที่จะเลิกลากันไป และไม่ได้เจอกันอีกเลย โดยฝ่ายหญิงให้เหตุผลว่าไม่พร้อมเจอ เนื่องจากเธอนั้นมีครอบครัวแล้ว หลังจากนั้นประมาณกลางปี 62 จิ๊กกี๋ ก็ได้กลับเข้ามาในชีวิตตนอีกครั้ง โดย จิ๊กกี๋ ได้ติดต่อมาหาตน เพื่อขอตามไปดูตนเตะฟุตบอล หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับแค่นั้น แล้วก็ได้เจอกันอีกครั้งประมาณเดือนตุลาคมในงานศพของคุณพ่อของ จิ๊กกี๋ ครั้งนี้ตนจึงได้ถามถึงชีวิตครอบครัวของฝ่ายหญิง เนื่องจากไม่เห็นสามีมาร่วมงาน จิ๊กกี๋ จึงได้บอกว่าเธอ และสามีได้แยกทางกันไปนานแล้ว ซึ่งในช่วงเดือนนี้มีข่าว คดี Forex-3D ขึ้นมาพอดี ตนจึงได้เห็นรูป จิ๊กกี๋ ร่วมเฟรมกับ คู่รักดาราอย่าง ดีเจแมน - ใบเตย อาร์สยาม และผู้ชายอีกหนึ่งคน ซึ่ง จิ๊กกี๋ ก็ได้บอกว่านั้นคือ นาย อภิรักษ์ อดีตสามีของเธอ และเป็น CEO Forex-3D ตนจึงได้ถามว่าเธอนั้นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่ง จิ๊กกี๋ ก็ได้บอกว่าเธอไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ต่อมาทั้งคู่ก็ได้มีการติดต่อกันมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่มาเจอกัน เธอก็จะขับรถหรูคันดังออกมา ไม่ว่าจะไปที่ไหน เธอก็ใช้รถคันนี้เป็นรถส่วนตัว ไม่ได้มีการปิดบังแต่อย่างใด จนประมาณเดือนเมษายนปี 63 เกิดน้ำท่วมใหญ่ จิ๊กกี๋ จึงได้ขอให้ตนช่วยหาที่จอดรถให้หน่อย ตนจึงได้พาไปจอดไว้ที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี ครั้งนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จนกระทั่งประมาณเดือนกรกฎาคม ในขณะที่ จิ๊กกี๋ ป่วย ไส้ติ่งแตก กำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังจากที่เข้ารับการรักษาอยู่ 2-3 วัน จิ๊กกี๋ ได้รับข้อความจากเพื่อนคนหนึ่งว่าตอนนี้ห้องของเธอกำลังจะถูกงัด เขาจะเอาทรัพย์ของเธอทั้งหมด โดยอ้างว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย คดี Forex-3D ซึ่งนอกจากทรัพย์สินต่างๆ จิ๊กกี๋ ได้เผยกับตนว่ายังมีกุญแจสำรองของรถหรูของเธออยู่ในห้องนั้นด้วย ซึ่งเธอกลัวว่ารถหรูของเธอนั้นจะไม่ปลอดภัย จึงได้ให้ตนช่วยขับรถหรูคันนี้ไปจอดไว้ที่อื่น เพื่อหนีจากเพื่อนคนนี้ ตนจึงได้นำรถคันดังกล่าวไปจอดไว้ที่บ้านเพื่อน ที่จังหวัดราชบุรี อีกครั้งหนึ่ง
ปราปต์ปฎล ยืนยันว่าตนข้องเกี่ยวกับรถหรูเพียงเท่านี้ เจ้าตัวเผยต่อว่า วันที่รถหรูคันดังกล่าวถูกยึด เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งกับเจ้าของบ้านว่ารถคันนี้เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดของนาย อภิรักษ์ ณ ตอนนั้น จิ๊กกี๋ ยังไม่ได้โดนดำเนินคดีแต่อย่างใด ซึ่งตนเองก็มาทราบในภายหลังว่ารถคันนี้นาย อภิรักษ์ ได้ทำการซื้อด้วยเงินสด และหลังจากที่ จิ๊กกี๋ ออกจากโรงพยาบาล ตนก็ได้พาเธอไปแจ้งความเพื่อนคนดังกล่าวที่งัดห้องเธอ ที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็ได้ถูกดำเนินคดี และซัดทอดว่าทรัพย์สินต่างๆ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ DSI คนหนึ่ง ซึ่งด้าน DSI ก็ได้แจงว่าเพื่อนของ จิ๊กกี๋ ได้ให้ทนายโทรมาแจ้งความบริสุทธิ์ว่าให้มารับทรัพย์ที่ห้องของ จิ๊กกี๋ เพราะคาดว่าทรัพย์สินเหล่านี้จะได้มาจากการกระทำความผิด คดี Forex-3D ซึ่ง DSI คนดังกล่าว เป็นคนที่ออกหมายเรียก ปราปต์ปฎล ทั้งที่ปัจจุบันบุคคลนี่ไม่ได้อยู่ที่ DSI แล้วตั้งแต่ปลายปี 63 เนื่องจากโดนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปัญหาการใข้อำนาจของเจ้าหร้าที่รัฐ แต่มีการอ้างว่ายังเป็นคณะพนักงานสอบสวนอยู่จึงสามารถเซ็นออกหมายเรียกได้ ทั้งนี้มีการกล่าวหาว่าตนร่วมกันปกปิด นำรถไปซุกซ่อน หากเป็นอย่างนั้นจริง เหตุใดรถหรูคันดังกล่าวจึงถูกจอดให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง และไม่มีการถูกคลุมผ้าแต่อย่างใด
ด้านที่ปรึกษาทางกฎหมายของ ปราปต์ปฎล กล่าวต่อว่าเธอเป็นเพื่อนของ ปราปต์ปฎล และอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกๆ เธอเผยว่าในช่วงที่เกิดเรื่อง Forex-3D จิ๊กกี๋ ได้แยกทางกับนาย อภิรักษ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนจองการหย่า ซึ่งเธอก็เป็นคนทำคดีหย่าให้ และในช่วงกรกฎาคมปี 63 ไม่มีใครทราบมาก่อนว่าคนที่เข้าไปงัดห้องของ จิ๊กกี๋ คือ DSI จึงได้ให้ ปราปต์ปฎล ขับรถคันดังกล่าวไปจอดไว้ที่อื่น ต่อมา 14 ก.ค. 63 วันที่ จิ๊กกี๋ ออกจากโรงพยาบาล ทันทีที่กลับถึงห้องจึงพบว่าของถูกยึด กุญแจถูกเปลี่ยน จึงได้ไปแจ้งความ ตามที่ ปราบต์ปฎล ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ แล้วถึงจะมารู้ทีหลังจากตำรวจในวันที่ 15 ก.ค. 63 ว่า DSI เป็นคนยึดไป เธอมองว่าการกระทำนี้ของ DSI ไม่ถูกต้อง
หลังจากนั้นวันที่ 16 ก.ค. 63 DSI ถึงได้ไปยึดรถหรูคันดังกล่าว ซึ่ง ปราปต์ กล่าวเสริมว่า หลังจากยึดรถ DSI ก็ได้มาบุกค้นห้องของ ปราปต์ปฎล ต่อ ในขณะที่ จิ๊กกี๋ เองก็พักฟื้นอยู่ในห้องนั้นด้วย โดยที่ไม่ได้มีหมายแต่อย่างใด ซึ่ง ณ เวลานั้น จิ๊กกี๋ ก็ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด และตนเองก็ได้มีการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่คอนนั้น ที่ปรึกษาทางกฎหมายของ ปราปต์ปฎล กล่าวต่อว่า ในส่วนคดีการฟอกเงินที่ ปราปต์ปฎล ตกเป็นผู้ต้องหาลำดับที่ 6 นั้นไม่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดจากการฉ้อโกงประชาชน แต่กรณีของ ปราปต์ปฎล เป็นคดีฟอกเงิน ที่ DSI ในความผิดทางอาญา ไม่ใช่คดีทางแพ่ง ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แบบที่สาว พิ้งกี้ และครอบครัวโดน เธอจึงตั้งข้อสงสัยว่าหากวันนั้นถ้าคนที่ขับรถหรูคันดังกล่าวไปจอดเป็นคนอื่น เขาก็จะโดนข้อหาฟอกเงินนี้แล้วเช่นกัน เธอจึงมองว่า กระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันไม่สมควรเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เธอยังงงประเด็นว่า DSI สงสัยอะไร และเหตุใดจึงโยง ปราปต์ปฎล เจ้าไปเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นเธอเองก็ได้เปิดเผยหมายเรียก และรายการทรัพย์สินที่ยึดได้จากคดีนี้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีทรัพย์สินของ ปราปต์ปฎล อย่างแน่นอน
สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกมาชี้แจง หลังจากที่มีประเด็นเรื่อง ดารา ป. เกิดขึ้น ปราปต์ปฎล เผยว่าตนไม่ทราบด้วยซ้ำว่านั้นหมายถึงตน เพราะข้อเท็จจริงตนรู้ว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จนมาเห็นในข่าวว่าทุกคนพุ่งเป้ามาที่ตน โดยทาง DSI ได้ออกมาเผยว่าได้ออกหมายเรียก ดารา ป. ไปแล้วถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ดารา ป. ขอเลื่อเนื่องจากติดโควิด ตนจึงคิดว่าเป็น ดารา คนอื่น เนื่องจากตนไม่เคยได้หมายเรียกนี้ ต่อมาออกมาเผยอีกว่าได้มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 โดย ดารา ป. ได้ติดต่อกลับว่าจะออกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ตนจึงมั่นใจว่าไม่ใช่ตนเอง เพราะตนยืนยันว่าไม่เคยติดต่อกับ DSI เลย จนวันที่ 4 ต.ค. 65 ได้มีข่าวออกมาว่าบุคคลที่ DSI ออกหมายเรียกนั้นคือตน ตนจึงได้ติดต่อไปว่าใช่ตนหรือไม่ ซึ่งตอนแรกเขาบอกว่าไม่ใช่ ต่อมาเขาก็ได้เผยว่าหมายดังกล่าวถูกส่งไปให้ สน.ประเวศ ซึ่งเป็น สน. ใรพื้นที่ เพื่อประสานงานต่อ แต่ สน. ดังกล่าวไม่ได้มีรายงานกลับมาให้ DSI ดังนั้นมันเป็นปัญหาเรื่องระบบภายใน ตนจึงได้ไปขอหมายเรียก และเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ DSI ตามนัดหมาย พร้อมนืนยันว่า ปราปต์ปฎล ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือฉ้อโกงประชาชน เพียงแต่เกี่ยวข้องเนื่องจากขับรถหรูคันดังกล่าวไปจอดที่บ้านเพื่อนเพียงเท่านั้น
ด้านทนาย ศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล หนึ่งในที่ปรึกษาทางกฎหมายของ ปราปต์ปฎล กล่าวว่า ตนอยากให้สื่อมวลชน หรือประชาชน ตั้งคำถามกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ DSI ว่ามีหลักฐานอะไรมาอ้างว่า ปราปต์ปฎล เกี่ยวโยงกับคดีนี้ ทนาย ศิริชัย กล่าวต่อว่า หลังจากที่อ่านข้อกล่าวหาของ DSI แล้ว ตนมองว่าหลักฐานในคดีนี้ไม่เพียงพอที่จะเอาผิด ปราปต์ปฎล อีกทั้งทั้งตำหนิการทำงานของ DSI พร้อมการันตีว่า ปราปต์ปฎล เป็นผู้บริสุทธิ์ และหลังจากนี้จะดำเนินคดีกับสื่อที่ไม่มีหลักฐานในการนำเสนอข่าวอีกด้วย
ทั้งนี้สาเหตุที่ตนตัดสินใจออกมาชี้แจงกรณีนี้ เนื่องจากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวออกไปว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี Forex-3D ตนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งทางด้านความรู้สึกของครอบครัวตน และหน้าที่การงาน ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่อยู่ในวงการ รายได้หลักของตนมีแค่ทางเดียวคือมาจากงานแสดง ตนไม่มีธุรกิจ ไม่มีรายได้จากช่องทางอื่น ตอนนี้ตนเริ่มถูกบอกเลิกจ้างงาน กำลังจะเป็นคนตกงาน และรายได้หายไป จากการออกมาพูดในวันนี้ตนก็หวังว่าผู้ใหญ่ที่ช่อง และผู้จัดจะเข้าใจ และเห็นใจตนมากขึ้น และหวังว่าการพูดในครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น
สุดท้ายเจ้าตัวก็ได้เผยความรู้สึกทั้งน้ำตาถึง จิ๊กกี๋ ภรรยาคนปัจจุบันว่า ตนรู้จัก จิ๊กกี๋ ดีพอ หากไม่มั่นใจว่าเธอบริสุทธิ์ก็คงไม่พาเธอเข้ามาในชีวิตแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรตนจะไม่ปล่อยมือ จิ๊กกี๋ อย่างแน่นอน