กัดฟันสู้! บัวผัน ปาดน้ำตา ดูแลพ่อแม่ที่ป่วยหนัก พร้อมดันลูกชาย น้องบิ๊กซี สานต่อกิจกรรมวง

กัดฟันสู้! บัวผัน ปาดน้ำตา ดูแลพ่อแม่ที่ป่วยหนัก พร้อมดันทายาทหนึ่งเดียว น้องบิ๊กซี สานต่อกิจกรรมวง

เป็นอีกหนึ่งหมอลำซิ่งสายอีสานคนดัง สำหรับ บัวผัน ทังโส ล่าสุดตกเป็นข่าวใหญ่คึกโคม หลังมีภาพ อาจารย์หมอดูสุดฉาว อ.แมน ระดากทอง เต้นยับบนเวทีหมอลำ พร้อมทำท่าลีลาเจิมของกลางเวที ทำเอาภาพความแรงล้ำของ บัวผัน โดนเจ้าภาพยกเลิกคิวจนวุ่นวาย งานนี้ใครจะรู้เบื้องหลังชีวิตของนักร้องสาว ต้องปาดน้ำตา กัดฟันสู้กับมรสุมชีวิตดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ป่วยหนัก

ซึ่งเจ้าตัวเล่าเรื่องราวดราม่าผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม ด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมเปิดเรื่องลับทายาทหนึ่งเดียว น้องบิ๊กซี ที่พร้อมส่งมอบมรดกทางดนตรีมอบให้กับลูกรัก

ทราบมาว่าตอนนี้ต้องดูแลพ่อแม่ที่ป่วยหนักอยู่?
“คุณพ่อเองเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ อาการยังพูดไม่ได้ค่ะตอนนี้ ผ่านมาอาทิตย์นึงก็มาทราบว่าคุณแม่เป็นมะเร็งที่ตับค่ะ อันนี้ก็เป็นเหตุทำให้เราต้องเคลียร์งาน กลับไปบ้านไปดูแลพ่อกับแม่ อย่างที่ไปดูแลท่านเวลาไป ก็ต้องไปอาทิตย์นึง ขอเจ้านายไป ไปอยู่คุณแม่เฝ้าคุณแม่ให้ท่านให้คีโม พอให้เสร็จเราก็กลับ”

ตอนนี้อาการของท่านทั้งคู่เป็นยังไงบ้าง?
“ก็ดีคืน เค้าก็หยอกล้อกันได้แล้ว ส่วนเราก็วิดีโอคอลหาตลอดเวลา คือพ่อพูดไม่ได้ก็ยิ้มทักกันก็โอเค เราก็มีแรงทำงานส่วนเราเองก็พยายามเข้มแข็ง คือทุกสิ่งทุกอย่างเราจะร้องไห้ออกมาให้หมดเวลาอยู่คนเดียว ส่วนออกมาข้างนอกเราจะไม่มีใครเห็นน้ำตาเรา ไม่ให้พ่อแม่ได้เห็นถึงความเสียใจ น้ำตาของลูกคนนี้”

ทำไมต้องกลั้นน้ำตาไว้ขนาดนี้?
“คิดว่าตัวเราเองเป็นเสาหลัก ถ้าเราทำแบบนั้นเห็นน้ำตาออกมาพ่อแม่ก็เป็นห่วงเราอีก เพราะว่าเราเป็นเสาหลัก เราต้องหาเลี้ยงครอบครัว ลูกหลานก็อยู่กับหนู ทุกคนตอนนี้ต้องพึ่งหนู”

เวลาที่เศร้ามากๆดาวน์มากๆใช้วิธีไหนฮีลใจตัวเอง?
“ปิดห้องนอน ร้องไห้คนเดียวให้มันจบ ร้องไห้ในห้องให้มันจบพอขึ้นเวทีแล้วไม่มีน้ำตา ลงจากเวทีเข้าห้องนอนร้องไห้แล้วเอาให้มันจบตรงนั้น ปัญหาที่มีเข้ามาทุกเรื่องหนูจะร้องไห้อยู่ 2-3 วัน สถานที่อื่นจะไม่มีใครเห็นน้ำตาหนูส่วนมากจะอยู่แต่ในห้องนอน”

ที่ว่าเป็นเสาหลักในบ้านดูแลทั้งหมดกี่คน?
“ตระกูลหนูมีพี่ชาย มีครอบครัวน้องสาว รวมแล้วก็ประมาณ 10 กว่า หลานๆก็ยังเล็กอยู่รวมแล้วก็มีหลายอายุ แต่ก่อนก็เป็นวงใหญ่ทุกคนก็มาอยู่ที่นี่ร้องเพลงกับหนู พี่ชายก็เป็นคนร้องเพลง ส่วนน้องสาวเป็นคนเก็บชุด และน้องสาวอีกคนนึงเป็นแดนซ์เซอร์แต่ตอนนี้มีครอบครัวไปแล้ว ก็ซื้อบ้านซื้อที่ดินให้น้องสร้างบ้านอยู่กัน ใกล้คุณพ่อคุณแม่ให้ดูแลพ่อแม่ หนูจะให้เค้าดูแลพ่อแม่แทนหนู หนูยอมที่จะเหนื่อย ซื้อบ้านให้ มีที่นามีสวนให้ทำ ให้ทุกคนดูแลส่วนของตัวเองไม่มีเงินเดือนให้”

แล้วในส่วนของครอบครัวของตัวเองล่ะ?
“หนูมีครอบครัวค่ะ แต่เลิกแยกทางกันไปแล้ว 10 กว่าปีได้ มีลูกชายหนึ่งคน โตแล้วค่ะ หนูเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกชายชื่อน้องบิ๊กซี เค้าก็ชอบทุกอย่างเหมือนเราเป็นได้ทุกอย่าง เป็นนักฟุตบอลก็ได้ ร้องเพลงก็ได้ ตอนนี้อายุ 21 ปีแล้วค่ะ ล่าสุดเจอกันเค้าก็มาร้องเพลงให้เราฟัง”

คิดว่าวันหนึ่งเค้าจะมาสานต่อจากสิ่งที่คุณแม่ทำมั้ย?
“หนูไม่ได้หวัง แต่เค้าเคยพูดไว้ว่า ณ วันนึงเค้าจะมาช่วยบริหารวงแทนแม่ ร้องเพลง เป็นผู้จัดการวง เราก็เลยบอกว่าถ้าเราแก่แล้ว เราก็จะทำวงให้แต่ว่าอาจจะไม่ใหญ่เหมือนวงแม่ เค้ามีเป้าหมายของเค้า เค้าเป็นคนพูดเอง เราก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าเราต้องหาทุน ไว้เป็นเงินตั้งต้นให้ลูก เพราะว่าอย่างน้อยการลงทุนมันก็ใช้เงินหลายล้าน วงหมอลำซิ่งอย่างน้อยก็ใช้ถึงหลักสิบล้านอยู่ค่ะ หนูเชื่อมั่นในตัวลูกค่ะเพราะว่าทุกวันนี้เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้ามีหลักมีเกณฑ์ของเค้า มั่นใจในตัวลูกชายคนนี้ แม้ว่าการแยกทางครอบครัวของเราก็ไม่หวั่นในการใช้ชีวิตของเค้า ทุกสิ่งทุกอย่างเค้าเป็นผู้ใหญ่มาก เรื่องพ่อแม่แยกทางกันเค้าไม่เคยเอาตรงนี้มาเป็นปัญหา ไม่เคยมีเรื่องเหล้า เรื่องยา ลูกชายของหนูเป็นคนดีมากๆ หนูยอมรับตรงนี้ ชื่นใจมากค่ะ”

เป็นหัวหน้าครอบครับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอเป็นผู้หญิงที่เก่งมากเลย แอดขอเป็นกำลังใจให้ผ่านเรื่องลำบากต่าง ๆ ไปได้นะคะ