เบนซ์ เรซซิ่ง เข้ายื่นสิทธิ์ขอเงินเยียวยา หลังโดนขังเกิน 200 วัน

เบนซ์ เรซซิ่ง เข้ายื่นสิทธิ์ขอเงินเยียวยา หลังโดนขังเกิน 200 วัน เสนอแนะควรแยกผู้ต้องขังคดีเด็ดขาด กับคดีอื่น

จากกรณีที่ เบนซ์ เรซซิ่ง รับโทษจำคุกข้อหาฟอกเงิน และสมคบกับค้ายาเสพติด ก่อนหน้านี้ และพ้นโทษออกมาแล้ว เนื่องจากศาลยกฟ้อง ล่าสุดวันนี่ 18 ม.ค. เวลา 11.30น. เบนซ์ ได้เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

เพื่อเข้าพบนายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เพื่อทำเรื่องขอเงินชดเชยเยียวยากรณีศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีของตนเองในข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติด แต่ได้รับโทษจำคุกในข้อหาฟอกเงินมาแล้วกว่า 4 ปี เกินจากอัตราโทษ 3 ปี 4 เดือน

นายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า “เบนซ์ เรซซิ่ง ถูกตั้งข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติดและสบคบกันฟอกเงิน โดยศาลฎีกาได้ยกฟ้องคดียาเสพติด ส่วนคดีฟอกเงิน ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ระหว่างนั้นนายนายอัครกิตติ์ ถูกจำคุกไป 4 ปี 10 วัน เกินกว่ากำหนดโทษ 256 วัน ซึ่งกระทบสิทธิ์ของ เบนซ์เรซซิ่ง จึงมาร้องเรียนกับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล พร้อมนำคำพิพากษาศาลทั้ง 3 ชั้น เพื่อให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ประกอบการพิจารณาเงินชดเชยเยียวยา”

“การใช้สิทธิเยียวยาดังกล่าวถือว่าเป็นไปตามกฎหมาย โดยจะต้องมาใช้สิทธิ์ภายใน 1 ปีหลังจากพ้นโทษ ซึ่งส่วนกลางจะใช้คณะกรรมการจากกรมคุ้มครองสิทธิ์ ขณะที่ต่างจังหวัด จะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบ และเกณฑ์ในการชดเชยเยียวยาจะยึดตามค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดกับสถานที่ผู้ต้องขังถูกจองจำแต่ละแห่งซึ่งจะไม่เท่ากัน และจะไม่มากไปกว่า 350 บาท ก่อนนำมาคำนวณกับจำนวนวันที่ถูกขังเกิน เช่นกรณีนายอัครกิตติ์ มีภูมิลำเนาและถูกขังในกรุงเทพฯ ก็จะยึดตามเกณฑ์ดังกล่าว โดยนับตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่งมา ยังไม่เคยรับเรื่องร้องเรียนจากจำเลยที่มาขอใช้สิทธิ์ในลักษณะนี้

เบนซ์ เรซซิ่ง ยังขอเสนอให้กรมราชทัณฑ์แยกการกักขังระหว่างผู้ต้องขังคดีเด็ดขาดกับผู้ต้องขังที่อยู่ในชั้นการพิจารณาคดีหรือยังอยู่ในขั้นตอนการฝากขัง รวมถึงแยกจากนักโทษคดีทางการเมือง ที่ถูกขังรวมกับนักโทษคดีอาญาทั่วไป ซึ่งข้อเสนอนี้ กระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้พิจารณาการปรับปรุง

ด้าน เบนซ์ เรซซิ่ง กล่าวว่า แม้ว่าจำนวนเงินชดเชยที่ตนเรียกร้องไปจะไม่ได้เยอะ แต่ต้องการมาใช้สิทธิ์ของตัวเอง และอยากให้ผู้ต้องขังคนอื่นที่มีสถานะเช่นเดียวกันมาใช้สิทธิ์นี้ เพราะเจ้าตัวอาจไม่ทราบว่ามีสิทธิ์กระทำแบบนี้ได้ จึงอยากเป็นตัวแทนให้ผู้ต้องขังที่ไม่มีโอกาสได้มาพูดแบบนี้

สำหรับประสบการณ์ที่พบในเรือนจำ ตนเสนอให้แยกการกักขังระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดและผู้ต้องขังที่ยังไม่มีคำพิพากษาตัดสินออกจากกัน เพราะการปฏิบัติต่างๆ เช่นการเตรียมหลักฐานต่อสู้คดี การเยี่ยมญาติ หรือการพบทนายความนั้นไม่ได้รับการแบ่งแยกตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้สิทธิ์ผู้ต้องขังที่คำพิพากษายังไม่สิ้นสุด หากท้ายสุดศาลยกฟ้องและมาใช้สิทธิ์อย่างตน ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่สูญเสียไป ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน ชีวิตและครอบครัว

Cr.benzracing

ข้อเสนอตนนั้นอาจจะไม่ต้องสร้างเรือนจำใหม่ แต่ใช้เรือนจำที่มีอยู่แล้ว แยกแดนต่างๆ ออกมา ยกตัวอย่างจำนวนห้องน้ำนั้น จะมีห้องเดียวต่อจำนวนนักโทษ 50 คน ดังนั้นหากแยกประเภทนักโทษดังที่ตนเสนอได้ อาจช่วยลดความแออัดภายในเรือนจำแต่ละแดนได้

เรียกว่าเป็นการออกมาใช้สิทธิ์ของตัวเอง สำหรับกรณีนี้ หากมีอะไรเพิ่มเติม แอดจะรายงายให้ทราบต่อไปค่ะ