​ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด ยอมรับหลง ลัทธิ ทำให้หมดตัว

​ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด แชร์อุทาหรณ์ ยอมรับหลง ลัทธิ ทำให้หมดตัว สูญเงินหลัก 100 ล้าน รู้ตัวอีกทีเป็นหนี้กว่า 50 ล้าน

ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเอง สำหรับ ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด พงศ์สุชาติ และที่ผ่านมาจะเห็นเจ้าตัวมีงานในวงการเยอะมากๆ แต่อยู่ๆเหมือนว่าตนเองไปฟังสิ่งสิ่งหนึ่ง พูดง่ายๆ คล้ายพวกลัทธิ จนสูญเสียทุกอย่างไป โดยอาตุ่ย เล่าผ่านรายการแฉว่า

“เราก็นึกว่าสิ่งที่เราเคยอยู่ เคยมีความสุข เล่นกับน้อง มาทำงานในวงการบันเทิง ตอนนั้นมันกลายเป็นของที่มันไร้สาระ มันเป็นงานอะไรก็ไม่รู้ เราไม่ควรทำ การทำสิ่งนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่ควรรับงาน ไม่ควรมายุ่งกับคนพวกนี้ที่ไร้สาระ มันได้ถูกกรอบความคิด แต่เราก็โง่เองด้วย ไม่มีใครจะมากรอบความคิดเราได้นะ ถ้าเราไม่ได้มีวิบากเก่ากับเขา”

“คือเมื่อก่อนเราก็ไปไหนแก๊งเดียวกัน ไปไหนไปด้วยกัน เอิ๊กอ๊ากไม่หยุด เพิ่งมารู้ตัวตอนจบแล้ว เพราะคิดไปว่าการรับงานในวงการบันเทิงเป็นเรื่องไร้สาระ มันเปลืองของเวลาของชีวิต ซึ่งที่คิดแบบนั้น เพราะมันเป็นเรื่องของการเอาตัวเองเข้าไปรับฟังเรื่องบางสิ่งบางอย่าง แล้วเห็นเป็นชอบ เห็นเป็นเหมาะเป็นสม เห็นเป็นคุณธรรมอันแสนจะสูงส่ง คืองานในวงการบันเทิง จริงๆ แล้วมันสร้างความสุขให้กับคน การถ่ายละคร การทำละคร มันเอาชีวิตคนมาถอดเป็นบทเรียน คนดูจะได้ไม่ต้องมาประสบปัญหาเหมือนกับละครนั้น ถ้าดูให้เป็นมันจรรโลงไง เพื่อนฝูงที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันไปวันๆ มันเยียวยาจิตใจเรา บนโลกที่เราอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย เกาะกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มันเป็นความบันเทิง มันไร้สาระตรงไหน”

“มีแฟนก็ต้องเลิก คือมันขัดขวางการทำคุณงามความดี ขัดขวางเราที่จะรับใช้คุณงามความดี อันนี้ต้องบอกก่อนว่า ในคำสั่งสอนของแต่ละสำนัก หรืออะไรต่างๆ นานา คือดีหมดนะ แต่มันอยู่ที่สติปัญญาของเราด้วย เพราะมีบ้างที่ ที่เซ็ตอัปตัวเอง เรียนแบบโคลนนิ่งกับสิ่งที่เป็นของจริงของแท้ แล้วเขาก็ชักจูงเราไป ภายใต้ภาพที่เหมือนเป็นของจริงของแท้ ถ้าเราไม่มีสติปัญญาทัน เราก็จะหลงเตลิดไป เหมือนอย่างที่อาเคยเป็น และเสียเวลาในชีวิตเยอะมาก ประมาณ 6-7 ปี”

เมื่อก่อนมีคนพยายามเตือน แต่เราก็ตาขวางใส่เขา?

“คือตาแข็ง ตาขวางเลย คืออาไก่ สมพลเคยพยายามจะพูด ก็ไปตาแข็งใส่เขา (เสียงสั่น) จนอาไก่เขาเสียใจ แล้วเราก็ห่างกันไปเลย ไม่ได้อยากโกรธเขา แต่รู้สึกว่าความห่วงใยมันทิ่มแทง มันขวางเราไปไหน บางคนในครอบครัวก็เป็นแบบอา หรือถ้ามดดำเตือน เราก็จะรู้สึกว่ามดดำคือพวกมาร พวกคนบาป พวกที่จะชักจูงเราไปในทางที่ไม่ดี เราอุตส่าห์มาดีแล้ว แล้วเหยียดคนอื่นโดยไม่รู้ตัว แย่มากตัวเองในตอนนั้น”

จนไม่เหลือใครในชีวิตเลย?

“จนไม่เหลือ ไม่ใช่เพราะเขาเกลียดชังเรานะ โชคดีที่เป็นแบบไหนคนก็ยังรัก แต่ถ้าเตือนแล้วทำตาแข็งใส่เขา เขาก็เลือกที่จะถอย เขาก็บอกว่าวันหนึ่งถ้ามีสติ ถ้ารู้ตัว แล้วบาดเจ็บมา พี่จะกอดเอาไว้ พี่จะรับเสมอ ทั้งๆ ที่เคยทำตัวแบบนั้น”

เมื่อก่อนต้องเป็น อาไก่-อาตุ่ย แต่กลับมองว่าพี่น้องในวงการที่เตือน คือไร้สาระหมดเลย?

“ใช่ๆ แล้วรู้สึกว่าคนไหนที่เราชวน ให้ไปฟังในสิ่งที่เราได้รับ แล้วเขาไม่ไป เราจะโกรธเขามาก มดดำอาก็ชวน แล้วคิดว่าถ้ามดดำมันดีแล้วนะ และถามมากับเรา จะดีกว่านี้อีก”

จนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งๆที่เงินเยอะมากเป็นร้อยล้าน วันนึงไม่เหลืออะไรเลย?

“มันเหมือนเราไปทุ่มเหมือนเราเป็นเอฟซี อยากจะทุ่มสปอยล์เอาใจ เอาไปซื้อข้าวซื้อของ พอมานั่งทบทวนตรงนี้นะ ถ้าคนอื่นซื้อเท่านี้ เราจะได้ซื้อแพงกว่ามากๆ ตังค์มันก็จะไปหมดตรงนั้น แต่หลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น มันสูญสลายมลายสิ้นไป จนถึงวันนี้ก็เหลือไง เหลือหนี้ 50 กว่า ตอนนี้พยายามกลับมาทำงานในวงการบันเทิง แล้วก็ไปโฟกัสการค้าขายมากขึ้น แต่มันก็ยังไปกอบกู้มาไม่ได้มากมาย ยังมีหนี้ติดอยู่หลายสิบล้าน ทุกวันนี้ยังขับรถคันเก่า 6ปีที่แล้ว มีรถใช้อยู่คันเดียว แต่งตัวเหมือนเป็นคนชอบสมถะ แต่จริงๆ ไม่มีตังค์จะแต่ง (หัวเราะ)”

“ทองก็ไม่มีแล้ว ขายหมดเลย คือมันเป็นเรื่องของความหลงผิด ฉะนั้นคุณผู้ชมอย่าได้วู่วามนะ ว่าเงินทองที่ใส่ลงไปจะทำให้เราได้สติ ได้ปัญญา ได้เป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ใช่นะคะ มันอยู่ที่การปฏิบัติตัวของเรามากกว่า”

เราไปเชื่ออะไรบางอย่างหมดเกลี้ยง แถมเป็นหนี้?

“ใช่ แต่ก็พยายามคิดทุกอย่างในแง่บวก ว่าอย่างน้อยเราก็ได้เป็นอสังหาริมทรัพย์ คิดแบบนี้ไปก่อน เพื่อเป็นแรงใจยืนหยัดในการทำงาน แต่สิ่งที่มันเสียและประเมินค่าไม่ได้ คือความรักที่เกิดขึ้น จากคนที่เขารักเรา ห่วงเรา เขาต้องผิดหวังเสียใจแค่ไหน แม่เราอยากจะเตือนอยากจะพูด แต่พอแตะเขาหน่อย บรรยากาศมาคุแล้ว หน้าตึงขึ้นมาแล้ว คุณแม่อยากจะเตือนมาก แต่สุดท้ายแม่ไม่เตือน แม่กลัวลูกบาป แล้วแฟนคลับของเรา เขาก็รู้แล้วก็ติงมาด้วย มานั่งอ่านคอมเมนต์ ก็รู้สึกว่าถ้าเขาไม่เคยรักเรา เขาจะไม่มีทางผิดหวังในตัวเรา แล้วในเวลานั้นเราทำให้หลายๆ คนผิดหวังในตัวอา มันเสียใจมากตรงนั้นแหละ เรื่องเงินทองที่หายไปมันก็คือเงินทอง แต่ความรักที่หายไปมันเยอะมาก คือ มิตรภาพ มันเหมือนเป็นวิบากของเรา ที่เราต้องชดใช้เขา”

พระบอกว่าเอาอย่างนี้โยม สร้างพระไหม?

“ศรัทธาที่เราเคยศรัทธาใครบางคนมันล่มสลาย แต่เราอย่าสูญเสียศรัทธาที่มีต่อพระศาสนา เพราะว่าเราฟังจากคนผิดเท่านั้นเอง ไม่มีเงินจะสร้าง ก็รวบรวมเงินกันมาสร้าง อาชวนกัลยาณมิตรแปบเดียว ก็ได้เงินมา และเกินด้วย หลังจากนั้นได้เริ่มมีกิน มีใช้ แม้ว่าเงินตัวเองจะติดลบ แต่อาได้ไปเมืองนอก ได้กินดี โดยที่ไม่ต้องใช้เงินตัวเองเลย”

คนหมดเงินไปกับลัทธิอะไรพวกนี้หมดเลย มันสอนอะไรกับเรา?

“ถ้าเราทำมาหาได้ มีอาชีพ มีกัลยาณมิตร แต่ถ้าใจเรายังไม่เป็นสุข นั่นเป็นเพราะตัวของเรา ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเอาเงินไปบริจาคทานจนหมดเกลี้ยง หรือทอดทิ้งทางโลกไป แล้วจะทำให้จิตใจดีขึ้น อันนั้นคือหลงผิด แต่เราต้องเห็นความรักในคนรอบตัว เห็นความรักของงานที่เราทำ ไม่ต้องไปคิดว่าเราจะต้องดีกว่าใคร”

เชื่อว่าตัวเองโดนของไหม?

“คือเกิดจากความที่เราอยากดีก่อนหนึ่ง แล้วเราก็เห็นภาพลักษณ์อันดีนั้นสอง แล้วก็เซตติ้งที่มันน่าเชื่อถือ ที่มดดำถามนั้นมันแรงนะ แต่มีคนพูดว่าทำไมถึงหลงจัง คนอย่างเธอทำไมถึงหลงขนาดนั้น โดนให้กินอะไรหรือเปล่า คำตอบคือไม่รู้จริงๆ เพราะว่าอันที่เราไม่รู้ เราพูดไม่ได้ แต่เราไม่ปกติจนคนสงสัยแบบนั้น ซึ่งถ้าไม่มีหลักฐานเราพูดไม่ได้ค่ะ”

เป็นเรื่องที่ อาตุ่ย ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเรื่องที่เธอได้เจอมา ก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ออกมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ให้กับแฟนๆได้ฟังกันนั่นเองจ้า

คลิปอีจันแนะนำ
ไอซ์ ปรีชญา เปิดใจก่อนให้ปากคำ ยันไม่กังวล