
จากกรณีนางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา คุณแม่ พี่ชาย พร้อมพวกอีก 19 คน ถูกศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวในคดี แชร์ลูกโซ่ forex-3d และถูกนำตัวเข้าเรือนจำทันที ส่งผลกระทบกับงานละคร พรีเซ็นเตอร์ที่สาว พิ้งกี้ รับไว้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก


ล่าสุดสองผู้บริหารค่าย เช้นจ์ 2561 ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ เอส วรฤทธิ์ เผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาละคร ดงดอกไม้ ที่สาว พิ้งกี้ ร่วมแสดงนำ ว่าอาจจะมีการปรับบทนิดหน่อย มีกำหนดออกอากาศที่ชัดเจน แต่ไม่ได้เปลี่ยนตัว เพราะละครถ่ายใกล้เสร็จแล้ว ถ้าเปลี่ยนตัวเท่ากับต้องถ่ายใหม่

ละครเรื่อง ดงดอกไม้ ที่มี พิ้งกี้ ตอนนี้ตกลงเป็นอย่างไร?
พี่ฉอด : “ก็อย่างที่เล่าไปคราวที่แล้วว่า ละคร เรื่อง ดงดอกไม้ มีกำหนดที่จะต้องออกอากาศชัดเจนในเร็วๆ นี้นะคะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ต้องมีวิธีการในการแก้ปัญหาไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับบทนิดหน่อย บางส่วน และมีการปรับแก้ในช่วงตอนต้นๆ คือลักษณะการถ่าย ละคร มันก็อาจจะมีลักษณะฟันหลอ ก็ทำงานไปแล้วค่ะในเรื่องของทางคนเขียนบทเองกับทางพวกเราผู้กำกับฯ ก็ยังยืนยันอยู่ว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัว พิ้งกี้ และเราถ่ายไปจนค่อนข้างเยอะมากแล้ว เพราะฉะนั้นก็มีปัญหาปรับบทนิดหน่อยแค่ช่วงท้ายๆ เท่านั้นเองค่ะ”
ช่วงที่บอกว่าฟันหลอเราแแก้ไขอย่างไร?
พี่ฉอด : “พอดีบังเอิญอาจจะถือว่าเป็นความโชคดีของกองที่ซีนที่ยังไม่ได้ถ่ายนั้น ไม่ได้มีความสำคัญมากจนถึงกับเอาออกไม่ได้ หรือในบางซีน บางฉากก็จะมีคนอื่นๆ พูดแทนบ้าง ยืนยันว่าไม่เสียอรรถรสของการดู ละคร ค่ะ คนดูยังสนุกกับ พิ้งกี้ ได้อย่างเต็มที่ สนุกกับนักแสดงทุกตัวละครในดงดอกไม้ได้อย่างเต็มที่ค่ะ”
อย่างบางคนถ้ามีปัญหาแบบนี้อาจจะเปลี่ยนนักแสดงไปเลย แต่เราเลือกที่จะปรับบทแทน?
พี่ฉอด : “อย่างที่บอกค่ะว่าถ้าเปลี่ยนคือต้องกลับไปถ่ายใหม่เลย เพราะเราถ่ายมาจนใกล้จะเสร็จอยู่แล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยน ถ้าต้องไปเริ่มถ่ายใหม่นั่นหมายความว่าคิว นักแสดง ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เขาก็มีคิวที่จะไปต่อเรื่องอื่นกันแล้ว เราจะมาเริ่มต้นใหม่ก็คงเป็นไปไม่ได้”


เรื่องนี้คนน่าจะจับตามองเป็นพิเศษ?
พี่ฉอด : “ก็คิดว่าเป็นคนละเรื่องกันนะคะ ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องของปัญหาส่วนตัว อย่างที่บอกว่าเราคงไม่ไปก้าวล่วงในตรงนั้น แต่ในเรื่องของ นักแสดง พิ้งกี้ ก็ยังเป็นนักแสดงที่ทำหน้าที่ของเขาเองอย่างดีที่สุดตลอดมา และมาถึงตรงนี้แล้ว พองานออกไปก็เข้าใจว่าคนดูก็คงจะดูที่การแสดง ดูที่ละคร ดูที่บทและ นักแสดง อื่นๆ ที่ร่วมด้วย ก็คงจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า เข้าใจว่าอย่างนั้นนะคะ”
ถ้าแบบนี้ในบท พิ้งกี้ ต้องตายมั้ย หรือปรับบทอย่างไร?
พี่ฉอด : “คือจริงๆ เขาก็จะต้องมีความเป็นไปอยู่แล้วค่ะ ในความเป็นไปของบทตัวนี้ ”
เอส : “เผอิญมันเป็นจุดจบของตัวละคร ถ้าพูดตรงนี้ก็สปอยดล์อีก แต่มันพอดีกันครับ”
พี่ฉอด : “ไม่ใช่อยู่ๆ ไปเขียนให้หายไปค่ะ”
แสดงว่าในคาแร็กเตอร์คือต้องตายอยู่แล้ว?
เอส : “คือเส้นเรื่องของตัว พิ้งกี้ ก็ยังอยู่เหมือนเดิมครับที่เราวางไว้”
บทนี้ไม่มีคนมาเล่นแทนใช่ไหม?
พี่ฉอด : “ไม่มีค่ะ เล่นแทนไม่ได้ ”


แสดงว่าบทนี้คือมีอันเป็นไปเรียบร้อยแล้ว?
เอส : “เรียกว่าเป็นจุดจบของตัวละครแล้วกัน ”
พี่ฉอด : “คือมันมีความสปอยล์ของ ละคร อยู่ ก็เลยยังไม่อยากพูด แต่พูดได้แค่ว่ามันไม่กระทบกระเทือนถึงขั้นทำให้คนดูรู้สึกว่าทำไมอยู่ๆ เดินมาแล้วก็หายไป ไม่มีค่ะ”
คุยกันยังไงกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้?
พี่ฉอด : “คุยกันอยู่แล้วค่ะ ทั้งคุณเอส ทั้งเรา ทั้งคนเขียนบท ผู้กำกับเราก็ประชุมและคุยกันหาว่าตรงไหนต้องแก้ยังไง”
เป็นเรื่องยากไหม?
พี่ฉอด : “ไม่เป็นไรค่ะ เราก็เจอเรื่องยากๆ มาเยอะแล้ว ”
เรื่องการตัดต่อต้องทำยังไง?
เอส : “อย่างที่บอกว่า ละคร เรื่องนี้ถ่ายทำมาเยอะแล้ว และซีเคว้นซ์ที่เป็นซีเคว้นซ์ที่สำคัญใหญ่ๆ มันถ่ายไปหมดแล้ว ส่วนบางซีนที่ยังคงค้างมันสามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับบท หรือโยนไดอะล็อกบางอย่างลงไปได้ สามารถเชื่อมต่อกันได้ และโชคดีว่าซีนที่เหลืออยู่ในซีเคว้นซ์ต่างๆ มันไม่ได้เยอะมากครับ และอยู่ในช่วงท้ายประจวบเหมาะพอดีที่จุดจบของตัวละครตัวนี้เราวางไว้แบบนี้ มันก็เลยโอเค ค่อนข้างลงตัว ไม่ได้ถึงกับยากมากในการแก้ไขปัญหา เพราะซีนที่มันหลงเหลืออยู่พอไปไล่ดูจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าตอนแรกๆ พอทราบข่าวก็เครียด แต่พอมานั่งไล่ทำการบ้านดูแล้ว ก็โอเค เราแก้ได้”

แสดงว่าจุดเริ่มต้นกับจุดจบมีอยู่แล้ว แต่ตรงกลางต้องถ่ายเพิ่มเติม?
เอส : “เรียกว่ามันแทบไม่ได้ตัด คือตั้งแต่เกิดปัญหาขึ้นมาก็ไม่ได้ทำให้ตัวละครตัวนี้ดูเบาบางลง หรือน้ำหนักมันหายไป ต้องบอกว่าตัวเกลียวเกศเป็นตัวเดินเรื่องเลย เป็นตัวสำคัญมาก”
พี่ฉอด : “และเผอิญตอนช่วงถ่ายทำกันตลอดมา พอดี พิ้งกี้ ก็จะมีคิวเยอะ ก็เลยซัดกันไปเต็มหมดแล้ว เหลือน้อยมาก”
กลัวว่ากระแสละครจะไปอิงกับข่าว ทำให้มีปัญหาไหม?
พี่ฉอด : “อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนดูนะคะ เพราะอย่างพวกเราทำงานเราก็ตั้งใจทำงานกันที่สุด รวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างดีที่สุด แต่คนดูจะชอบไม่ชอบ หรือจะมีข้อวิจารณ์ในเรื่องใดๆ ก็เป็นสิทธิ์ของคนดู พวกเราก็ทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดในหน้าที่ของเรา”
ได้อัพเดทข่าวจากทางพิ้งกี้บ้างไหม?
พี่ฉอด : “รู้ข่าวเท่าๆ กับทุกคนเลยค่ะ ”
ยังยืนยันว่าออนแอร์วันเวลาเดิม?
พี่ฉอด : “เหมือนเดิมค่ะ”
เอส : “ตอนนี้ก็เหลืออีกไม่เยอะมากแล้วครับ ประมาณ 20%”
ทำทันใช่มั้ย?
เอส : “ต้องทันครับ ชินแล้วครับ”

เห็นว่าจะมีโอกาสร่วมงานกับ ทับทิม อัญรินทร์?
พี่ฉอด : “คือเราเองก็ฟอลโลว์ไอจีคนอยู่ประมาณ 700 กว่าคนเนอะ ก็เลยคิดว่าการฟอลโลว์ไอจีมันมีผลสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ต้องเรียนว่าไม่ว่านักแสดงคนไหนก็ตามที่ยังมีสัญญาใดๆ กับช่อง ทางเชนจ์เองเราไม่มีสิทธิไปก้าวล่วงใดๆ อยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่น้องๆ หมดสัญญาและตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญากับช่อง อันนั้นเราถึงสามารถเข้าไปทำงานด้วยได้ อันนี้ก็เป็นกติกาสากลค่ะ จากที่มีคนชอบพูดกับว่าเชนจ์หรือ พี่ฉอด ชอบไปอะไรยังไง คือเราไม่สามารถมีส่วนเข้าไปในการตัดสินใจของน้องๆ ได้นะคะ เพราะว่าการที่อยู่กับช่องใดๆ มา ช่องใหญ่ๆ และบอกว่าจะไม่ต่อสัญญา อันนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเขามาก เช้นจ์ก็เป็นบริษัทผู้ผลิตเล็กๆ เองค่ะ เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะไปชักจูง ชักนำหรือดึงอะไรได้เลยนะคะ เราก็ได้แต่รอว่าแล้วแต่ว่าใครที่สามารถมาทำงานกับเราได้ ก็ถ้ามีบทที่เหมาะสมกับเขาคนนั้น เราก็จะได้ทำงานกัน เหมือนอย่างน้องๆ หลายคนที่เป็นอยู่ตอนนี้ ”
มีบทที่เหมาะสมกับทับทิมหรือยัง?
พี่ฉอด : “ก็ต้องรอจนกว่าน้องจะตัดสินใจว่าน้องจะออกจากช่องแน่ๆ อันนี้เรายังไม่ทราบ นี่ก็เพิ่งเป็นข่าว เราทุกคนรู้ข่าวเท่าๆ กัน จริงๆ นักข่าวรู้ก่อนพวกเราอีก”


กดดันไหม คนจะมองว่าพอใครหมดสัญญาก็อยากมาอยู่กับเรา?
พี่ฉอด : “ไม่ค่ะ เราถือว่าน่าจะเป็นเรื่องดีๆ ด้วยซ้ำไป เพราะทางเช้นจ์เราก็ไม่ได้มีนักแสดงเป็นของตัวเอง ก็มีแต่น้องๆ เด็กๆ อยู่ เพราะฉะนั้นถ้ามีนักแสดงเก่งๆ อยากมาร่วมงานกับเราก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีค่ะ ”
แต่กับทับทิมยังไม่ได้มีการคุยอย่างเป็นทางการใช่ไหม?
พี่ฉอด : “ต้องรอจนกว่าแต่ละคนจะหมดสัญญาค่ะ ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถไปทำอะไรได้ ข่าวก็ยังเป็นข่าวต่อไปค่ะ แต่การฟอลโลว์ไอจีก็ฟอลโลว์ไปเรื่อยๆ เลยนะคะ เราเจอใครเราก็ฟอลโลว์ พอเห็นมีข่าวว่าพี่ฉอด พี่เอสฟอลโลว์น้อง เราก็ยังตกใจเลยว่าการฟอลโลว์ไอจีมันเป็นเรื่องขนาดนี้เลยเหรอ ต่อไปนี้จะระวังแล้ว ไม่กล้าฟอลโลว์ใครแล้ว ”


งานนี้บทบาทของตัวละครที่สาวพิ้งกี้แสดง ตอนท้ายๆ ทางทีมจะมีการปรับบทเป็นยังไง แฟนๆ คงต้องติดตามดูตอนละครออนแอร์อีกทีนะคะ
เอาเป็นว่า พี่ฉอด ก็มายืนยันแล้วนะคะว่าไม่เปลี่ยนนักแสดง จาก พิ้งกี้ เป็นคนอื่น แต่ใช้วิธีปรับบทเอาแทน