ตังตัง นัฐรุจี แชร์ประสบการณ์เป็นสโตรกในวัยเลข 3

ตังตัง นัฐรุจี แชร์ประสบการณ์เป็นสโตรกในวัยเลข 3 หมอดังหลานคนเตือน หากมีอาการเหล่านี้รีบพบแพทย์ด่วน!

เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำหรับเรื่องราวของพิธีกรดัง ตังตัง นัฐรุจี ที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ป่วยเป็น สโตรก ในวัยเลข 3 โดยก่อนหน้านี้เธอได้เข้ารับการรักษาด้วยอาการปอดติดเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้ปอดข้างซ้ายของเธอมีน้ำ และเกิดการอักเสบ ต่อมาเชื้อลุกลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ จึงทำให้อักเสบตามไปด้วย ซึ่งในขณะที่เธอกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เธอก็เริ่มเกิดอาการพูดไม่รู้เรื่อง ออกเสียงคำที่ต้องการไม่ได้ ก่อนจะทราบในภายหลังว่านี่คืออาการของ โรคสโตรก

tangtangn_

งานนี้หมอดังหลายท่านได้นำเคสของ ตังตัง ออกมาพูดให้ความรู้ เตือนภัยประชาชน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โดยคุณหมอได้โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด ว่า “ช่วงนี้หลายคนน่าจะเห็นข่าว น้องตังตัง นักแสดงสาวที่อยู่ ๆ ก็เป็น สโตรก ตอนอายุแค่สามสิบต้น ๆ ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ เพราะเวลาเรานึกถึง สโตรก หรือ เส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนใหญ่มักนึกถึงคนอายุ 60–70 ขึ้นไป แต่เคสนี้ไม่ใช่เลยครับ เพราะจุดเริ่มต้นของเธอ มันเป็นแค่ ‘ไอ เจ็บคอ’ แบบที่เราทุกคนก็เป็นกันเป็นประจำด้วยซ้ำ

tangtangn_

วันนี้ผมอยากชวนค่อย ๆ ไล่เรียงจากปลายทาง (ที่ น้องตังตัง พูดไม่ได้เพราะ สโตรก ) ย้อนกลับไปดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย แล้วจะได้เข้าใจว่า เรื่องพวกนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดมากครับ

  1. เริ่มจากไอ จบที่ สโตรก
    จากที่ น้องตังตัง เล่าเอง เธอเริ่มจาก ‘ไอ เจ็บคอ‘ แล้วกลายเป็น ’ปอดอักเสบ‘ จากนั้นเชื้ออักเสบก็ลามไปที่ ’กล้ามเนื้อหัวใจ‘ และสุดท้าย วันหนึ่งตื่นมาแล้ว ’พูดไม่ได้‘ ตรวจพบว่า ’เป็นสโตรก‘ ฟังดูเร็วมากใช่ไหมครับ? ใช่ครับ มันเร็วจริง และมันเป็นภาพที่ชัดเจนเลยว่า ’อาการเล็ก ๆ‘ ถ้าไม่รีบรักษาให้ถูกทาง อาจลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่ได้ในไม่กี่วันเพราะการติดเชื้อในร่างกาย ถ้ารุนแรง หรือควบคุมไม่ดีมันอาจทำให้ร่างกายสร้าง ’ลิ่มเลือด‘ ซึ่งเจ้าลิ่มเลือดนี้แหละคือ สาเหตุของเรื่องนี้
  2. สโตรกวัยรุ่น วัยทำงาน ไม่ใช่เรื่องแปลก
    โรคสโตรก (Stroke) จริง ๆ มี 2 แบบใหญ่ ๆ นะครับ
    คือ เส้นเลือดตีบ กับ เส้นเลือดแตก แต่ในคนอายุน้อย มักจะเจอแบบ ’ตีบ‘ มากกว่า ตีบแบบไหน? ก็จะมี 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ
  3. Embolic stroke – อยู่ดี ๆ ลิ่มเลือดจากที่อื่นในร่างกาย ล่องลอยมาอุดเส้นเลือดในสมองแบบเฉียบพลัน
  4. Thrombotic stroke – เส้นเลือดค่อย ๆ ตีบจากพวกไขมันสะสม เช่น คนที่มีเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง

ในเคส น้องตังตัง ถ้าดูจากที่ต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือด และไม่ได้มีโรคประจำตัวเดิมที่บ่งชี้ว่าเส้นเลือดตีบสะสมน่าจะเป็นแบบ Embolic ครับ พูดง่าย ๆ ก็คือ ลิ่มเลือดน่าจะล่องมาจาก ’หัวใจ‘ แล้วไปอุดสมอง

  1. หัวใจติดเชื้อ ลิ้นหัวใจอักเสบ = ลิ่มเลือดเกิดง่าย
    คราวนี้มาดูว่าทำไมลิ่มเลือดถึงมาจากหัวใจ? หนึ่งในสาเหตุที่พบได้คือ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ เชื้อจากที่อื่นในร่างกาย เช่น ปอด หรือช่องปาก ลามเข้ากระแสเลือด แล้วมาติดอยู่ตรงลิ้นหัวใจ ทำให้เกิดการอักเสบตรงนั้น และพอหัวใจเต้นแรง ๆ ลิ่มเลือดที่ก่อตัวตรงลิ้นหัวใจก็ถูกปั่นแล้วพุ่งขึ้นไป ‘อุดเส้นเลือดในสมอง’ พอนึกภาพออกไหมครับ? หัวใจเราปั๊มเลือดตลอดเวลา แล้วอยู่ดี ๆ มัน ‘ส่งลิ่มเลือด’ ขึ้นสมอง แค่นี้เองครับ ก็เกิดสโตรกได้แล้ว ในเคสนี้อาจเริ่มจากเชื้อในปอด แล้วลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ หรือถึงลิ้นหัวใจ ซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสสร้างลิ่มเลือดได้ง่ายมาก
  2. ฟันก็เกี่ยว
    สิ่งที่หลายคนไม่เคยคิดเลย คือ ’ปัญหาสุขภาพช่องปาก‘ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นแผลในปาก ปัญหาเหล่านี้ทำให้แบคทีเรียหลุดเข้ากระแสเลือดได้ง่าย โดยเฉพาะแบคทีเรียกลุ่ม Streptococcus ซึ่งถ้าเข้าไปถึงหัวใจ ก็จะไปอักเสบที่ ’ลิ้นหัวใจ‘ ได้ หลายคนคิดว่า ’เหงือกบวม ฟันผุ มันไม่เกี่ยวกับหัวใจหรอก‘ แต่จริง ๆ แล้ว มันเกี่ยวกันแบบตรง ๆ เลยครับ เพราะฉะนั้น ดูแลช่องปากให้ดี แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน หมั่นตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน ถ้ามีเหงือกอักเสบ หรือฟันผุเรื้อรัง รีบรักษาให้จบ รวมถึง ถ้ามีแผลตามตัว หรือ ’เจ็บคอ’ แบบมีไข้ ไอมาก เสียงเปลี่ยนแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน อย่าซื้อยากินเองอย่างเดียวครับ ไปหาหมอ ตรวจให้ชัด ว่าใช่เชื้อรุนแรงหรือไม่
  3. สโตรก ป้องกันได้ ถ้าเข้าใจต้นทาง
    ฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ คือ ‘มันป้องกันได้ครับ’ หลายเคสของ สโตรก ในคนอายุน้อย มาจากเหตุที่เราคาดไม่ถึง เช่น การติดเชื้อรุนแรงที่ปล่อยไว้, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ปัญหาในช่องปาก, หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดโดยไม่รู้ความเสี่ยง เช่น ยาคุมบางชนิดในผู้หญิง
    สิ่งที่เราทำได้คือ ใส่ใจสุขภาพพื้นฐาน, ไม่ปล่อยให้การติดเชื้อเรื้อรัง, หมั่นตรวจฟัน ตรวจร่างกายประจำปี, ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เป็นภูมิแพ้ตัวเอง, เคยหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรแจ้งหมอทุกครั้งที่ตรวจ
tangtangn_

สรุปสุดท้าย เรื่องของ น้องตังตัง เป็นอุทาหรณ์ที่ดีมาก เพราะมัน ‘เรื่องธรรมดา’ ที่หลายคนมองข้าม ผมเชื่อว่าเธอโชคดีมากที่ได้รับการรักษาไว และค่อย ๆ ฟื้นตัว และหวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะรู้ว่า สโตรก ไม่ใช่แค่โรคของผู้สูงอายุ และมันไม่ได้มาแบบให้เวลารู้ตัวนานเสมอไป สิ่งที่อยากฝากไว้ ถ้าไม่สบาย แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ไปหาหมอ ใครที่มีเรื่องอ้วน หรือมีโรคประจำตัว อันนี้ต้องรีบดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ปรับการกิน รักษาความสะอาดในช่องปากเสมอ ฝากทุกคนดูแลตัวเองด้วยนะ”

Facebook : หมอเจด


นอกจากนี้ พี่หมี เภสัชกรดังใน TikTok ยังออกมาเตือนให้ทุกคนเฝ้าระวัง อาการฉุกเฉินต่างๆ ของผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ ผ่านช่อง TikTok @k.gorawit ว่า…
1.เวียนศีรษะ บ้านหมุน ทรงตัวไม่ได้
2.ตามองไม่เป็นข้างเดียว หรือทั้ง 2 ข้าง
3.หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวครึ่งซีก
4.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก
5.พูดไม่ชัด สื่อสารไม่เข้าใจ

Facebook : หมอเจด

ใครที่มีอาการเหล่านี้แบบเฉียบพลัน ต้องรีบพบแพทย์ด่วนเลยนะจ๊ะ