ดาราไต้หวัน เผยประสบการณ์สุดห่วย อ้างถูก ตำรวจไทยไถเงิน !

ดาราไต้หวัน อันยู๋ชิง เผยประสบการณ์สุดห่วย อ้างถูก ตำรวจไทยไถเงิน ! ด้านเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศไทย เมื่อหลายสื่อในไต้หวันออกมารายงานข่าวกรณีดาราสาว อันยู๋ชิง หรือ ชาร์ลีนอัน โพสต์ประสบการณ์สุดห่วยที่เจอในไทย โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นกระเป๋า และรีดไถเงินกว่า 27,000 บาท!

ต่อมาเพจ หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ได้นำเรื่องดังกล่าวมาเผยแพร่ ให้ข้อมูลพร้อมสรุปลำดับเหตุการณ์ โดยระบุเป็นข้อความว่า

“กรณี ดาราไต้หวัน มาเที่ยวไทย ถูกด่านตำรวจสุ่มตรวจ อ้างบอกไม่ยอมรับ “วีซ่าVOA” รีดเงิน 27,000 บาท ถึงยอมปล่อยตัว (เรียบเรียบแปลมาให้คำต่อคำตามที่สื่อไต้หวันเสนอ) จากที่เป็นคนดังไปแล้วเมื่อวานนี้ แอดเลยคิดว่าไปนั่งหาอ่านทุกข่าวในไต้หวันที่มีลง และสื่อไต้หวันไปสัมภาษณ์ดาราคนนี้ รวมถึงคลิปข่าวสัมภาษณ์ เลยมารวบรวมรายละเอียดแปลคำต่อคำให้ฟังกันค่ะ เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตำรวจในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง

เหตุเกิดเมื่อต้นปีมกราคมที่ผ่านมา ดาราสาวไต้หวันคนนี้ชื่อว่า 安于晴 อันยู๋ชิง หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Charlene An ซึ่งเธอได้โพสลงอินสตราแกรมจนกลายเป็นข่าวดังในไต้หวันเมื่อช่วงต้นมกราคมที่ผ่านมา เธอได้เดินทางไปไทย เพื่อฉลองงานปีใหม่กับเพื่อนๆ เธอหลายคน ในช่วงวันแรกๆ เธอได้โพสที่เที่ยวในไทยโดยถ่ายภาพสวยๆ และเช็คอินตามปกติ และแล้วเมื่อเกิดเรื่อง ก็กลายเป็นข่าวในไต้หวันเมื่อช่วงราววันที่ 7 มกราคม เพราะเธอได้โพสต์ลงอินสตาแกรม และนักข่าวมาสัมภาษณ์จนออกทีวี

วันที่ 4 ม.ค. ก่อนครบกำหนดเดินทางกลับไต้หวัน ช่วงคืนนั้นราวๆ ตี 2 ตามคำบอกเล่าของดาราสาว เธอได้นั่งแท็กซี่จากที่เที่ยวเพื่อกลับไปยังโรงแรม เมื่อถึงแถวหน้าสถานทูตจีน ถนนทั้ง3 เส้นได้มีด่านตรวจ และรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมาถูกเรียกให้หยุด จากคำบอกเล่าที่รายงานในสื่อไต้หวัน เธอเรียกกลุ่มคนที่ตั้งจุดตรวจว่าตำรวจ ตำรวจได้ทำการตรวจค้นตัวเธอ และกระเป๋าถือของเธอ (ในคำสัมภาษณ์เธอบอกว่า เหมือนการค้นหายาเสพย์ติดแบบในหนังแมกซิกัน เธอตกใจมาก) และมีการตรวจค้นว่าเธอพกเงินมาจำนวนเท่าไร ต่อมาถามถึงหนังสือเดินทาง และวีซ่า เธอบอกว่าได้ขอ วีซ่า VOA ที่สนามบิน ซึ่งเธอเข้ามาไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

ทั้งนี้เพจดังกล่าวได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วีซ่า VOA เอาไว้ว่า “ วีซ่าVOA คืออะไร : วีซ่าที่ใช้ในการเดินทางเข้าประเทศต่างๆ หลักๆ มี 2 แบบ แล้วแต่ละประเทศกำหนด อย่างไทย คือ ขึ้นอยู่กับสัญขาติของหนังสือเดินทางว่าเป็นชาติใด มีกำหนดการขอวีซ่าไว้อย่างไร และอยู่ได้นานเท่าไร ในที่นี้ หนังสือเดินทางไต้หวันนั้น หากต้องการเข้าไทย สามารถยื่นขอวีซ่าเข้าไทยได้จากสถานทูตไทยในไต้หวัน (สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป) และอีกกรณี คือ สามารถมาขอได้ที่สนามบินปลายทาง (ไทย) เมื่อมาถึง ซึ่งคือ วีซ่า VOA มาจาก Visa on Arrival ที่มีกำหนดว่า หนังสือเดินทางชาติใดสามารถขอวีซ่าแบบนี้ได้ และอยู่ไทยได้นานเท่าไร ซึ่งกรณีของ ดาราสาวไต้หวัน สามารถขอ VOA ได้ค่ะ ไม่วั้นจะผ่าน ตม. เข้าไทยมาได้อย่างไร”

เพจดังกล่าวเล่าต่ออีกว่า “เมื่อเธอให้เขาดู วีซ่า VOA กลายเป็นว่ากลายเป็นประเด็นที่นำมาใช้ปรับ และสื่อไต้หวันตีข่าว เพราะกลุ่มที่ตั้งด่านนั้น บอกว่าไม่รับรอง วีซ่า VOA ต้องเป็นสถานทูตออกมีตราปั๊มนั่นนี่เท่านั้น จากคำรายงาน มีการยืดยื้ออยู่นาน ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจ ต่างภาษาก็สื่อสารลำบาก เธอไม่รู้ว่าตนผิดตรงไหน เธอยืนจนเมื่อยก็นั่งยองลงกับพื้น ก็ถูกตำรวจทำเสียงดุดันใส่ไม่ให้นั่ง เธอถูกขู่ว่า จะจับพาไปโรงพัก เธอบอกว่าไปก็ไป แต่พวกนั้นก็ไม่ยอมพาเธอไป บอกให้เธอพูดขอโทษต่างๆ นานา เธอก็ทำทุกอย่างขาดแต่เพียงคุกเข่าเท่านั้นเอง เพื่อนของเธอได้ใช้โทรศัพท์อัดคลิป และจะโทรขอความช่วยเหลือ กลับถูกขู่ให้เอาโทรศัพท์ลง และลบคลิปซะ เธอบอกว่าแม้แต่จะโทรขอความช่วยเหลือก็ทำไม่ได้ในตอนนั้น

จากที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นตำรวจจริงไหม?! สื่อไต้หวันสื่อหนึ่งมีเขียนคำบอกเล่าของเธอว่า “ทั้งพูดดุดันใส่เธอ แถมพกปืน”

ยื้อกันอยู่นาน ท่าทีดุใส่เธอตลอดไม่ว่าจะพูดขอร้องอย่างไร บอกจะจับไปโรงพักเธอบอกไปก็ไป กลับโมโหใส่เธอ บอกให้เธอขอโทษ เธอก็ทำ กลับดุใส่เธอไม่หยุด จนเธอสับสน และตอนนั้นอารมณ์คือทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ต้องทำอย่างไร ตกใจ กลัว แถมโทรหาใครก็ไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมให้ใช้โทรศัพท์ ยื้อนานเป็นชั่วโมง สุดท้ายเรียกเงินค่าปรับตกลงที่ 27,000 บาท เธอเล่าว่า พอตกลงเรื่องเงินได้ จากที่ตำรวจที่ดุดันกลับยิ้มออกมา (ดูรูปที่ดาราสาวให้การกับสื่อ)

เธอบอกกับสื่อว่า “อยากเตือนนักท่องเที่ยว ไปไทยอย่าพกเงินเยอะ เพื่อนๆ เธอเคยไปไทยก็เคยเจอแบบนี้เช่นกัน ตำรวจมาค้นเพื่อดูว่ามีเงินเท่าไร พยายามจะหาเรื่องปรับให้ได้ ก็คือจะเอาเงินนั่นแหละ” เธอเล่าต่อ ”หลังจากเรื่องนี้เกิด เธอเล่าให้ไกด์ท้องถิ่นในไทยฟัง ไกด์ได้แนะนำเธอว่า หากเจอกรณีแบบนี้ ให้รีบแอบๆ ยัดเงินไปเลยสัก 5,000 ไม่ก็ขอคุยตกลงราคากันเลย ถ้าให้ดีหาบอดี้การ์ด ไม่งั้นดวงซวยก็เจอรังแกแบบนี้

หลังจากตกลงราคากันได้ เธอนับเงินให้ตำรวจไป 27,000 บาท ตำรวจจึงเรียกแท็กซี่ให้เธอกลับไปยังที่พัก เธอเล่าต่อว่า “ข้างๆ เธอมีกลุ่มสาวชาวเกาหลีประมาณ 5 คน แต่น่าจะมีปัญหาเรื่องภาษา คุยกันไม่ได้เลย สาวเกาหลีจึงยังอยู่ตรงนั้นตอนพวกเธอถูกปล่อยตัวแล้ว”

เธอได้โพสสตอรี่ลงไอจี และได้ให้สัมภาษณ์สื่อไต้หวันว่า “อยากเตือนคนไต้หวัน และจีนเองที่เปิดประเทศแล้วไปเที่ยวไทย ให้ระวังตัวมากๆ พกเงินสดให้น้อยๆ เพราะพวกนั้นจะมาหาเรื่องค้นตัว ค้นกระเป๋า และให้พกวีซ่าด้วย (นี่ขนาดมีก็ยังหาเรื่อง) ช่วงนี้นักท่องเที่ยวชาวจีน (ไต้หวัน จีน ฮ่องกง) เริ่มไปไทยเยอะ ต้องระวังไว้เพราะพวกเขาจ้องค้นตัวนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่แล้ว เธอยังบอกว่า “บางทีเจอเเท็กซี่ไม่ดี มีเอี่ยวกับตำรวจก็จะขับพาไปที่ด่าน…”

สุดท้ายเธอลงท้ายคำพูดโมโห พร้อมมองบนว่า “ลาก่อน กรุงเทพห่วยๆ!!” แถมเธอยังใช้คำว่า 泰爛了!ไท่ล่านเลอ ปกติคำ 3 ตัวนี้แปลได้ว่า โครตห่วย!! ซึ่งจริงๆ เเล้วเขียนสะกดจริงๆ คือ 太爛了 (ไท่ล่านเหลอะ) ซึ่ง ไท่太 คำนี้แปลว่า สุด โครต แต่ดันพ้องเสียงกับคำว่าว่า 泰 ไท่ คำนี้ ที่หมายถึง ไทย มาจาก 泰國 ไท่กั๋ว = ประเทศไทย แทน”

ล่าสุดวันนี้ (26 ม.ค. 66) มีรายงานว่า พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว เบื้องต้นได้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ทราบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว เป็นดาราสาวชาวไต้หวัน วัย 33 ปี มีการเช็คอินผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าระหว่างอยู่ในประเทศไทย เธอได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ และได้ตรวจสอบไปยัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 65 เพื่อเข้ามาท่องเที่ยว และเดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 66 ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ

ตอนนี้ตำรวจได้ติดต่อไปยังช่องทางโซเชียลของนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวแล้ว และได้ประสานไปยังตำรวจไต้หวัน เพื่อให้ช่วยติดต่อนักท่องเที่ยวรายนี้ เพื่อขอข้อมูล และรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานไปยังที่พักที่อยู่ในเครือทุกสาขาเพื่อขอข้อมูลพร้อมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อนำมาตรวจสอบข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีการประสานไปยัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร และสถานีตำรวจนครบาล ที่มีนักท่องเที่ยวจีนอาศัยอยู่มาก เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งด่านในระหว่างช่วงที่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอาศัยอยู่ในประเทศไทย

เมื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งพยาน และหลักฐานอื่นๆ ตำรวจจะรีบดำเนินการสอบสวน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำอย่างที่เป็นข่าวจริง จะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาต่อไป

งานนี้เราคงต้องรอติดตามกันต่อไป หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม แอดจะนำมารายงานให้ทราบกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ Facebook : หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว

คลิปอีจันแนะนำ
หมอกอล์ฟ ตงฟางซินแซ เล่าศาสตร์โหงวเฮ้ง