
เชื่อว่าหลายคนยังอยู่ในอาการช็อกกับข่าวการจากไปของ จีจี้ สุพิชชา ปรีดาเจริญ เน็ตไอดอลชื่อดังที่เสียชีวิตเนื่องจากถูกแฟนหนุ่ม นตท. ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา เหล่า ทบ. ประธานรุ่นเตรียมทหาร ปี 2 ยิงเสียชีวิต ก่อนที่จะปลิดชีพตัวเองตาม
สุดเศร้า จีจี้ สุพิชชา เน็ตไอดอลชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ ซึ่งในทวิตเตอร์ได้มีการเปิดเผยแชทที่ จีจี้ ได้คุยกับเพื่อนสนิท
จีจี้ ได้ส่งรูปถูกทำร้ายทั้งใบหน้าและร่างกาย จนเป็นรอยเขียวฟกช้ำ และเล่าให้เพื่อนฟังว่า โดนกระทืบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เวลาหลังทำร้ายฝ่ายชายจะทำตัวดีด้วยเลยใจอ่อนมาตลอด เคยโดนกระชากหัวลงจากเบาะรถ ทุบหน้า เตะอก เตะหลัง ดีที่พ่อเค้ามาช่วยกันไว้ให้


นอกจากนี้เพจของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้มีการอัปเดตเพิ่มเติมว่า
ช่วงสายวันนี้ 20 เม.ย. ครอบครัวของ น.ส.สุพิชชา ปรีดาเจริญ หรือจีจี้ เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต ในคอนโดย่านอโศก พร้อมกับ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา หรือ อิคคิว อายุ 18 ปี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 2 ได้เดินทางมารับร่างของ น.ส.สุพิชชา โดยแม่ของ น.ส.สุพิชชา และญาติๆ ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ และยื่นเอกสารเพื่อขอรับร่างที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลรามา เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ วัดใหญ่ จ.นครปฐม
น.ส.ชุติกาญน์ แม่ของน้อง จีจี้ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทั้งสองคนคบกัน แม่รับรู้มาตลอด และเขาก็เลิกกันไปแล้วรอบหนึ่ง และกลับมาคบกันอีก แม่ก็ห้ามลูกแล้ว แต่ลูกก็ไม่ค่อยฟัง และเมื่อกลับมาคบกัน เขาก็ไม่ค่อยบอกอะไรแม่ กลัวแม่จะเป็นห่วง ก็จะคอยบอกว่าดีคุยกันดี และด้วยตัวฝ่ายชาย คือ อิคคิว เป็นคนอารมณ์รุนแรง เป็นคนยิงปืนบ่อยๆ ชอบยิงปืน เราก็กลัวว่าสักวันหนึ่ง หากเอาปืนมาแล้วมาทะเลาะกันในห้องอยู่กันสองคน แล้วไม่มีคนห้ามจะเป็นยังไง ก็เตือนลูกตลอด แต่ลูกก็ยืนยันว่าคงไม่มีอะไรหรอก



ในวันเกิดเหตุ รู้สึกสังหรณ์ใจเพราะไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้ จึงคุยกับแม่ของฝ่ายชายตลอด ซึ่งก็ทราบว่าไม่สามารถติดต่อลูกชายได้เหมือนกัน และแม่ของฝ่ายชายก็บอกว่า ‘อิคคิว’ มาหา ‘จีจี้’ ตนจึงติดต่อเพื่อนให้มาเปิดห้องให้ ก่อนจะเจอว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ก็เข้าใจในความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่ต้องเสียลูกไปเช่นกัน ก่อนเกิดเหตุมีการโทรติดต่อกันตลอดกับครอบครัว ‘อิคคิว’ เนื่องจากติดต่อลูกไม่ได้ ตั้งแต่คืนก่อนเกิดเหตุ โดยปกติน้องจีจี้จะบอกว่าอีก 3-4 ชั่วโมงจะโทรกลับ แต่มาครั้งนี้ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่อ่าน LINE จนมาถึงช่วงประมาณเที่ยง จึงเอะใจ จึงรีบขับไปดู แต่ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับพ่อแม่ฝั่ง ‘อิคคิว’ ตลอด ซึ่งทางบ้าน ‘อิคคิว’ ก็บอกกับแม่ว่าติดต่อ ‘อิคคิว’ ไม่ได้ จึงพยายามให้แม่โทรหาน้องจีจี้ให้ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้สังหรณ์ใจอะไร เนื่องจากว่าน้องจีจี้ มักบอกกับแม่ว่าคุยกันดี มีความสุขดี จนมาทราบจากเพื่อนของจีจี้ว่าหลังๆ น้องเริ่มกลับมาทะเลาะกับนายอิคคิว”
สำหรับประเด็นในโลกโซเชียล ที่มีข้อความของจีจี้และรูปภาพส่งไปให้เพื่อนแล้วบอกว่า ‘อิคคิว’ ใช้อาวุธปืนยิงประตูทะลุ เรื่องนี้ตนทราบดี เพราะเหตุเกิดที่บ้านของฝ่ายชาย และพ่อกับแม่ของฝ่ายชายก็อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งทางเขาได้แจ้งว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน แล้วก็พยายามห้ามปรามแล้ว แต่ไม่สามารถห้ามลูกได้
ที่ผ่านมา ‘อิคคิว’ มีพฤติกรรมชอบเล่นปืนและยิงปืนมาก หลังช่วงสงกรานต์ ยังพา จีจี้ ไปยิงปืนที่สนามด้วยอยู่เลย ซึ่งตนก็เข้าใจว่า หลังจากที่เล่นปืนเสร็จแล้วก็คงให้คนขับรถเอาปืนไปเก็บ ไม่ทราบมาก่อนเลยว่า ฝ่ายชายจะพกปืนติดตัวด้วย
แม่น้องจีจี้ ยอมรับว่า ตนเองติดต่อกับแม่ของ ‘อิคคิว’ ตลอด คุยกันตลอด และทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากให้ลูกกลับมาคบกัน แต่ด้วยความที่เด็กทั้งสองคนก็ดื้อทั้งคู่ และพยายามจะกลับมาคบกันให้ได้ แต่หลังเกิดเหตุก็ยังไม่ได้คุยกับครอบครัวฝ่ายชาย เพราะตั้งใจจะทำศพลูกให้จบก่อน และครอบครัวฝ่ายชายก็ขอโทษมาแล้ว
“ทางครอบครัวของฝ่ายชาย ก็เลี้ยงลูกมาแบบตามใจ จึงยอมรับกับเราว่า ไม่สามารถคุมลูกได้ เพราะลูกเป็นคนใจร้อน พร้อมขอโทษและขออโหสิกรรมกับทางครอบครัวเราด้วย ในหัวอกคนเป็นแม่ก็สูญเสียลูกเหมือนกัน จึงไม่อยากให้เรื่องบานปลาย อยากให้ต่างคนต่างส่งลูกของตัวเองให้ดีที่สุด”
“อยากบอกลูกว่า ตอนนี้หนูไปสบายแล้ว แม่ขอให้หนูไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ แม่จะส่งลูก และทำให้ดีที่สุด”
ส่วนการก่อเหตุเรื่องของบุคคลที่ 3 นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่สองคนทะเลาะกัน ซึ่งปกติมักทะเลาะกันเป็นประจำ และจะทำร้ายร่างกายกัน ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง และเกิดจากอารมณ์ร้อน ส่วน ‘อิคคิว’ จะมีอาการป่วยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ทางพ่อแม่ของ ‘อิคคิว’ เคยบอกกับตนว่า เอาอิคคิวไม่อยู่ เพราะเลี้ยงลูกแบบตามใจ ทำให้ระงับอารมณ์ลูกไม่อยู่
ส่วนเรื่องที่แม่ของน้องจีจี้ยังคาใจ คือเรื่องปืนที่ใช้ก่อเหตุ ว่า เจ้าของปืน จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ก็อยากให้ตำรวจชี้แจงเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม
แม่น้องจีจี้กล่าวว่า อาวุธปืนที่ อิคคิว ใช้ ตนคิดว่าเมื่อซ้อมยิงปืนเสร็จ พ่อของ อิคคิว น่าจะเอาปืนกลับบ้าน ตนไม่คิดว่าจะพกปืนออกมาแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่ จีจี้ ก็ได้ไปฝึกยิงปืนกับอิคคิวด้วย ล่าสุดหลังสงกรานต์จีจี้ก็ได้ฝึกยิงปืนกับนายอิคคิวด้วย แต่คิดว่าหลังฝึกยิง คงให้คนขับรถนำปืนไปเก็บไว้ที่บ้าน ไม่คิดว่าจะพกมาแบบนี้

นายกีรติ อาจหาญ พ่อเลี้ยงของน้องจีจี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครอบครัวไม่ติดใจในสาเหตุการตายว่าจะมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าฝ่ายชายเป็นผู้ก่อเหตุเอง แต่ติดใจเรื่องการเลี้ยงลูกของครอบครัวฝ่ายชายที่ปล่อยให้พกปืนตั้งแต่อายุ 17 ซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่ โดยเข้าใจว่าพ่อของตนเองมีอำนาจ โดยเบื้องต้น ตำรวจแจ้งครอบครัวแล้วว่า ปืนที่ตกในที่เกิดเหตุเป็นปืนจดทะเบียนในชื่อของพ่อฝ่ายชาย ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ตนเองก็อยากให้ดำเนินคดีเจ้าของปืนด้วย แต่ไม่ทราบว่ากฎหมายทำได้หรือไม่
“ที่ผ่านมาครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มีปัญหาหรือรังเกียจกัน แต่ลูกคบหากันแล้วมันไม่โอเค ซึ่งตอนที่ทั้ง 2 คนเลิกกัน พ่อแม่ก็ยินดีที่ลูกหลุดพ้น เพราะโดนทำร้าย แต่เมื่อรู้ว่ากลับมาคบกันอีก ก็พยายามย้ำเตือน บอกลูกว่า คนเล่นปืน มีโอกาสที่ลูกจะตายเมื่อไหร่ก็ได้”
นายกีรติ ยังฝากครอบครัวฝ่ายชายว่า ขอให้จริงใจ ไม่นอกเกม ตนเองเข้าใจว่ามีอำนาจ แต่ทางครอบครัวเราไม่ได้กลัว เพราะทางคดีก็ไม่ได้มีอะไรมาก ทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียกันทั้งคู่ แต่เขาจะทำให้สภาพครอบครัวเรากลับมาดีได้อย่างไร เพราะตอนนี้แม่ก็ยังทำใจไม่ได้ ใครถามถึง จีจี้ ก็ร้องไห้ตลอด
ทั้งนี้ เมื่อนักข่าวถามต่อว่า ทำไมฝ่ายชายถึงคิดว่าตัวเองมีอำนาจตลอดเวลา ที่ผ่านมา มีการข่มขู่เรื่องนี้หรือไม่ นายกีรติตอบว่า “ไม่แปลกที่ลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น”

ซึ่งหลายคนที่ติดตามข่าวนี้ส่วยใหญ่ก็มีความเห็นว่าอยากให้ครอบครัวของฝ่ายชายออกมารับผิดชอบให้กับครอบครัวของ น้องจีจี้ ในส่วนของคดี คงต้องติดตามต่อไปค่ะ