ภิกษุณีสุทัสสนา ยังเดินหน้าช่วยวัด ศรีลังกา ต่อเนื่องแม้เจอกระแสข่าว

ภิกษุณีสุทัสสนา ยังเดินหน้าช่วยวัดที่ ศรีลังกา ต่อเนื่องแม้เจอกระแสข่าว รับไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวคนเข้าใจผิด

หลังจากที่โดนกระแสดราม่าเรื่องของการขายสบู่น้ำมนต์ สำหรับ ภิกษุณีสุทัสสนา หรือ หมอปลาย พรายกระซิบ โดย พระปลาย ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ถึงเรื่องนี้ พร้อมบอกว่า สบู่ที่ทำออกมานั้น ทำมานานแล้วตั้งแต่ก่อนบวชหลายปี และที่ต้องเอาออกมาขาย เพราะว่าอยากหาเงินเพื่อช่วยวัดที่ ศรีลังกา เนื่องจากเมื่อ ภิกษุณีสุทัสสนา ได้ไปเห็น ไปใช้ชีวิตที่นั่น ก็รู้ว่าที่นั้นลำบากมาก จึงมีความหวังดี อยากจะช่วยเหลือ เลยได้นำสบู่ที่ตนเองทำขายมานานแล้ว มาหารายได้ เผื่อญาติโยมท่านไหนอยากทำบุญ ก็ช่วยซื้อสบู่ เพราะส่วนตัวตนเองไม่ชอบขออะไรใครแบบฟรีๆ พร้อมขอโทษพระที่ประเทศไทยที่อาจจะทำให้เสื่อมเสีย หรือเสียหาย พร้อมย้ำเจตนาอีกครั้งว่า ไม่มีอะไรนอกจากหาเงินไปทำบุญที่ ศรีลังกาเท่านั้นโดยหลังจากชี้แจงดราม่าจบ ภิกษุณีสุทัสสนา ก็ได้เดินทางกลับ ศรีลังกา เป็นที่เรียบร้อย

อย่างไรก็ดี ล่าสุด ภิกษุณีสุทัสสนา ก็ได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง ครั้งนี้ ภิกษุณีสุทัสสนา จะต้อง ไปหาคุณหมอ เพื่อเช็คสุขภาพ เนื่องจากมีโรคประจำตัว และเมื่อมีโอกาสเจอกับผู้สื่อข่าว ก็ได้มีการอัปเดตกันด้วยว่า

“หลังจากที่เจอดราม่าครั้งนั้น ก็มีการอธิบาย หลังจากนั้นก็ได้ตั๋วบินกลับ ศรีลังกา เนื่องจากต้องไปเตรียมกฐิน และก็ได้เรียนรู้วิถีของการแห่กฐินเขาเป็นยังไง ก็กลายเป็นต้องเป็นเจ้าภาพกฐินไปด้วย 7 หมู่บ้าน เหมือนต้องรับผิดชอบอะไรที่เยอะกว่าเดิม และก็ต้องหาวิธีแก้ไข และผ่านวิกฤตที่เราเสียใจไปให้ได้ค่ะ”

ที่นั่นยังต้องการความช่วยเหลือเยอะมั้ย?

“ลำบากมาก อย่างช่วงนี้ไฟดับบ่อยมาก เช่น มีเวลาให้เข้าห้องน้ำครึ่งชม.ก็ดับอีก เรื่องอาหารการกินก็วิกฤตกว่าเดิม หนักจริงๆค่ะ ตอนนี้ก็ต้องใช้ทุนส่วนตัว ในการที่จะต้องซื้อ ข้าวสารอาหารแห้ง แล้วเพิ่งผ่านวันเด็ก เด็กก็รอเรา อยากได้โน่นอยากได้นี่ เพราะเขารู้สึกว่าวัดเป็นโรงเรียน เป็นบ้าน เป็นทุกอย่าง บอกตามตรงว่าก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน เราเป็นพ่อค้า แม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ก็พยายามหาเงินมาช่วย อย่างวัดที่โน่น ไม่มีกล่อง ไม่มีขายดอกไม้ มันหารายได้ไม่ได้เลยสักทาง เราก็บอกท่านเจ้าอาวาส ท่านก็เสียใจเหมือนกันแหละ”

กลับมาครั้งนี้มีคิดเรื่องการระดมทุนไหม?

“จริงๆเลยคือไม่กล้าทำนะคะ กลัวว่าพระพุทธศาสนาในไทยจะไม่เข้าใจว่าเราเอาเงินไปทำอะไร กลัวว่าเขาหาว่าเราเอาเงินไปฟอก หรือไปใช้อะไรที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะว่ามันไม่มีหลักฐาน ไม่มีในอนุโมทนาเหมือนบ้านเรา ก็มองว่าอาจจะหาอินฟูที่เขามีใจอยากจะช่วย คือเราก็เสียภาษีทุกบาททุกสตางค์ ก็อยากจะหาปัจจัยเพื่อไปช่วยที่นั่นต่อค่ะ”

เวลาเรานำเสนอข่าวออกไป ก็มีคนใจดีอยากร่วมบุญ?

“ก็ดีใจมากๆค่ะ ฝากด้วย อย่างสบู่เนี่ย เราทำมานานแล้ว คือเราแค่นึกว่า ปกติเวลาคนไปวัดก็ไปรดน้ำมนต์อาบน้ำมนต์ เราแค่ทำการเปลี่ยนเป็นก้อน ง่ายต่อการอาบ เป็นนวัตกรรมอ่ะค่ะ ใครที่เชื่อ หรืออยากลองใช้ก็ยินดี จะซื้อเพื่อนำเงินไปทำบุญก็ยินดีมากๆ ใครที่เชื่อ ไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ก็อยากฝากว่า ภิกษุ ภิกษุณี ยังมีอยู่ในโลก เราเป็นภิกษุณี ไม่ใช่แม่ชี การทำบุญมันก็ยังต้องมี ไม่มีที่ไหนที่พระพุทธศาสนาร่ำรวยเท่ากับประเทศไทย ที่อื่นยังลำบากมากๆ ใครที่อยากจะร่วมบุญ ข้าวสารอาหารแห้ง อะไรก็สามารถร่วมได้ ก็อยากจะฝากด้วยนะคะ”

เรียกว่าแม้ว่าจะโดนกระแสดราม่า ภิกษุณีสุทัสสนา ก็ยังคือต้องเดินหน้า หาปัจจัยไปช่วยวัดต่างที่ศรีลังกาอยู่ เพราะว่าที่นั่นลำบากมากจริงๆ งานนี้ใครอยากจะร่วมบุญ อยากทำบุญก็ลองติดต่อไปได้เลยจ้า

คลิปอีจันแนะนำ
ทนายตั้ม พร้อมร้านคู่กรณี ILLSLICK ตั้งโต๊ะแถลง