สร เผยเคยคิดออกจากวงการ และเล่าถึง แบมแบม-ลิซ่า

สร ชลนสร เผยเรื่องราวดราม่าที่ผ่านมาในชีวิตเคยคิดเลิกร้องเพลงออกจากวงการพร้อมเล่าความสนิทกลุ่มเด็กไทยในวงการเกาหลี

สร ชลนสร สัจจกุล หรือ สร CLC ไอดอลสาวชาวไทยที่ไปโด่งดังในวงการ K-Pop อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง CLC โดยล่าสุดมาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวดราม่าที่ผ่านมาในชีวิตและบทเรียนความผิดพลาดในอดีต พร้อมเล่าถึงความสนิทกับกลุ่มเด็กไทยในวงการเกาหลีอย่าง ลิซ่า BLACKPINK และ เเบมเเบม GOT7 รวมถึงศิลปินคนไทยที่ไปสร้างชื่อที่เกาหลี

ช่วงเวลาผ่านไป ได้เป็นศิลปินแก๊งเด็กไทยที่ไปอยู่เกาหลีด้วยกัน เจอกันได้ยังไงเพราะว่าต่างคนก็ต่างไป กลายมาเป็นกลุ่มที่มีไลน์กรุ๊ปกันได้ยังไง ?

สร : ก็คือตอนที่สรกำลังจะย้ายไปที่เกาหลีตอนแรกสรเรียนร้องเพลงกับครูโรจน์ แล้วครูบอกสรว่าที่เกาหลีมีน้องที่ไปแล้ว 2 คน ก็คือน้องที่ชื่อ แบมแบม และ น้องลิซ่า ไปแล้ว ซึ่ง ลิซ่า กับ แบมแบม เคยเรียนกับครูคนอื่นที่อยู่ภายใต้ครูโรจน์ ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะเอาคอนแทคให้ พวกยูไปติดต่อกันเองจะได้มีเพื่อนอยู่ที่โน้นก็เลยได้ไลน์มาแล้วก็ทักไป

เวลาเรากินข้าวเที่ยงก็ต้องไปกินข้าวที่เดียวกัน แล้วสรเจอแบมตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ สรก็เลย เอ๊ะ! น้องคนนี้แน่เลยที่ชื่อแบมแบมก็เลยเข้าไปทัก ก็เหมือนเขารู้กันอยู่แล้วว่าจะมีเด็กใหม่เข้ามาก็เลยเป็นเพื่อนกัน ส่วนลิซ่าก็คืออยู่ YG Entertainment ก็ทักเขาไปว่าเราเพิ่งมาถึงเกาหลีตอนนั้นก็อายุ 14-15 เด็ก 2 กันไปนั่งกินข้าวกันส่วน มินนี่ เป็นเทรนนี่คนไทยคนต่อไป ต่อจากสร พอน้องเข้ามาบริษัทตอนนั้น สรก็เดบิวต์แล้ว ค่ายก็บอกว่าจะมีเด็กใหม่ช่วยไปดูให้หน่อยเห็นมินนี่เหมือนเป็นน้อง เทคแคร์น้องตลอด

ส่วนพี่นิชคุณ ทุกคนก็รู้จักกันอยู่แล้ว และในกรุ๊ปไลน์ก็จะมี เตนล์ อีกคนหนึ่ง ซึ่งเราก็จะรู้จักผ่านเพื่อน ๆ คนอื่นเหมือนกัน ก็เลยสร้างไลน์กรุ๊ปขึ้นมาให้เพื่อนได้คุยกัน ก็เลยกลายเป็นกลุ่มเพื่อนซี้แก๊งค์หนึ่งที่อยู่ในวงการเดียวกัน

มาเจอกันบ้างไหมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ?

สร : เจอกันบ้างนะคะ แบบจะไปกินข้าวบ้านใคร หรือไปกินข้าวที่ร้านอาหารไหน แต่ว่าด้วยความที่ทุกคนยุ่ง บางทีก็เจอกันไม่ครบบ้าง บางทีก็เจอกัน 3 คน บางทีก็เจอกัน 4 คน บางทีเจอกันแค่สาว ๆ อะไรอย่างนี้

ตอนที่จะเลิกตอนนั้นชีวิตก็ไม่น่าจะเหมือนตอนแรก เชื่อว่าสรคงเจอเรื่องราวมากมาย ที่อาจจะไม่เคยเปิดใจเล่า ตัวตนของเราเองกับการเป็นคนดัง มีหลายเรื่องที่อาจจะไม่เข้าตา หรือทำให้บางคนไม่ชอบ คุณนึกถึงเหตุการณ์ไหนเกี่ยวกับตัวตนในอดีตที่ผ่านที่รู้สึกว่ามันสอนเรา ?

สร : ในอดีตสรก็มีประเด็นค่อนข้างเยอะ แบบว่าทำอะไรไม่คิด

เป็นเพราะว่าสรได้คอนโทรลตัวเองในโซเชียลมีเดียด้วยหรือเปล่า ?

สร : ใช่ค่ะ พอเราเริ่มเปิด Instagram เปิด Tiktok เปิด Youtube ค่ายเขาจะไม่ค่อยคอนโทรลเรื่องนั้นมากเท่าไหร่ ก็เลยกลายเป็นว่าเวลาเราจะลงอะไรทำอะไรได้เองหมดเลย มีอิสระในการลง ตัดภาพมาตอนนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่รอบคอบมากขึ้นมากกว่าก็คือเรียนรู้จากอดีต

ตัวตนของสรเป็นแบบไหน ?

สร : เป็นคนที่อินโทรเวิร์ตมาก ๆ เป็นคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว แล้วก็ไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่น เพราะว่าไม่ค่อยมีพลังในการไปสุงสิงกับคนอื่น แต่ว่าเป็นคนที่มีสวิตซ์ในการ เปิดและปิดด้วยความที่อาชีพด้วยเนอะ เลยกลายเป็นว่าถ้าต้องเปิดก็เปิดไปเลย ถ้าต้องปิดก็คือจะเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ค่อนข้างเซนซิทีฟ มีอีโมชั่นเยอะ เป็นคนหลายอารมณ์มาก

ที่ผ่านมาเคยรู้สึกไม่แฮปปี้กับตัวเองไหม ตอนออกจากค่ายช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เคยมีแว๊บว่าฉันหลงทาง ไม่รู้จะไปไหนต่อไหม ?

สร : มีแว๊บบ่อยนะ ช่วงที่พอออกมาจากค่ายเก่าก็รู้สึกว่าเราไม่ใช่ K-pop อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเราไม่มี CLC ก็เลยคิดว่าหลังจากเกาหลีจะไปอยู่ไหนดี เราไม่มีเกิร์ลกรุ๊ปแล้ว เราก็ไม่ได้ออกเพลงภาษาเกาหลี เพราะฉะนั้นเราไม่เมคเซ้นส์ที่จะเรียกตัวเองว่า K-pop อีกต่อไปแต่ถามว่าในแง่ของอาชีพไปอยู่ได้หรือยัง แต่คุณมีตลาดหรือยัง มีคนดูหรือยัง ยังไม่ได้มีใครฝั่งโน้นที่จะรับรองเรา เอเจนซี่ บริษัทที่คอนเฟิร์มได้ว่าคุณจะสามารถไปสร้างอาชีพตรงนั้นได้หรือยัง ถ้า LA ไปอยู่ไม่ได้ก็ต้องกลับไทย แต่ช่วงที่ออกมาจาก CLC ก็มีประเด็นมาเรื่อย ๆ แล้วที่ไทยก็ยังมีคนที่ไม่ชอบเราอยู่เยอะ

ตอนนั้นเป็นช่วงที่โหว่งมาก แต่เราก็ยังไม่อยากจะทิ้งความฝัน ตอนนั้นคิดว่ามีความสามารถก็จริงแต่ถ้าไม่มีตลาดไหนหรือประเทศไหนที่ซัพพอร์ตเรามันก็อยู่ไม่ได้ หรือว่าเลิกดีนะ ก่อนที่จะมาเซ็นกับ  WILD Entertainment ตอนแรกสรบอกกับทุกคนไว้แล้วว่าเลิกดีกว่า จนมาเจอ WILD Entertainment โชคดีจังหวะดีมากอยู่ดี ๆ มีงานที่สิงคโปร์เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วก็ไปเจอโปรดิวส์ที่ถูกใจ ก็ลองทำเพลงมาเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นทุกวันนี้

ตอนนี้สรก็มีผลงานออกมาให้เราได้เห็น ได้เสพกัน ติดตามผลงานน้องกันด้วยนะ

คลิปอีจันแนะนำ
โดนติงหุ่น เจนี่ มองเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ