ดีเจ เจ๊แหม่ม เปิดหมดเปลือก เสพติดศัลยกรรม หรือไม่

เจ๊แหม่ม เปิดหมดเปลือก เสพติดศัลยกรรม หรือไม่ รับทำมาแล้วเกือบ ทั้งตัว หมดเงินกว่า 5 ล้าน ลั่นตอนนี้ของเน้น สุขภาพ เป็นหลัก

เรียกว่าเปลี่ยนไปมากๆ หากนำภาพที่เพิ่งเข้าวงการบันเทิงมาเทียบสำหรับดีเจคนเก่ง เจ๊แหม่ม วินัย สุขแสวง เปลี่ยนจนถึงขั้นถูกเม้าท์ว่า เสพติดศัลยกรรม ยิ่งตอนนี้ผอมลงไปอีก 15 กิโล ก็ยิ่งทำให้หน้าตอบ เปลี่ยนแปลงมากขึ้นไปอีก วันนี้อีจันบันเทิง ขอนั่งชิลๆคุยกับพี่ เจ๊แหม่ม แบบหมดเปลือกว่า เสพติดศัลยกรรม จริงไหม แล้วตั้งแต่ทำมาหลายๆปี หมดเงินไปแล้วเท่าไหร่ ที่ผ่านมาทำตรงไหนบ้าง โดยเจ้าตัวออกอาการขำ พร้อมเปิดใจว่า

“เอาอีกแล้วคำถามนี้เบื่อมาก (หัวเราะ) ต้องถามว่าไม่ทำอะไรบ้างมันตอบง่ายกว่า ถามว่าทำอะไรบ้างมันคิดเยอะ เพราะมันเยอะไปหมด ทำทุกอย่างนะครับ คือไม่มีอะไรที่ไม่ได้ทำยกเว้นหน้าอก และเฉาะข้างล่าง มีตา ที่ไม่ได้ทำ ยังเป็นของเดิมอยู่”

เค้าว่ากันว่าเวลาทำ ศัลยกรรม จะไม่ได้ทำครั้งเดียว?

“ถูก ไม่ใช่ครั้งเดียวอ่ะใช่ เพราะว่าปัญหาที่มันเกิดขึ้นบนใบหน้าของคนมันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเดียวไง เช่นสมมติว่าดั้งแหมบ อยากมีดั้ง ก็ต้องเสริม ซิลิโคนเข้าไปถูกป่ะ แต่การที่เสริมเข้าไปก็ต้องดูว่าองค์ประกอบ หรือบริบทรายรอบของตัวเอง มันเหมาะสมหรือไม่ เช่น รับกับปีกจมูกไหม เข้ากับรูปหน้าหรือเปล่า มันก็เลยกลายเป็นว่า ไม่ใช่เราเสียบซิลิโคนเข้าไปปุ๊บมันจะสวยเลย ต้องดูว่าปีกจมูกเรารับกับแกนจมูกหรือเปล่า ถ้าไม่รับกันก็ต้องมีการเย็บปีกจมูก หรือแต่งปีกจมูก หรือต้องฉีดสลายไขมันไหม ถ้ามันดูเหี่ยวไปต้องทำอย่างไร มันก็เลยกลายเป็นว่า มี1 ก็ต้องมี 2 มี 2 ก็ต้องมี3 มี 4 ต่อไปเรื่อยเรื่อย เป็นเรื่องปกติจริงๆ”

ของพี่ เจ๊แหม่ม ทำจมูกมาแล้วกี่รอบคะ?

“โอ้โหไม่เคยนับเลยแต่รู้ว่าเยอะ น่าจะประมาณ 6 รอบ ส่วนใหญ่ของพี่เวลามีปัญหามักจะแก้ใหม่เลย สมมติว่าเราเคยใส่ครั้งที่ 1 ไปแล้ว แล้วมันก็อยู่มา 10 ปีพอปีที่ 11 กลับมีปัญหา พี่ก็ทำใหม่เลย จะไม่มีแบบว่าเอาออกแล้วรอให้หายแล้วถึงจะทำ ส่วนใหญ่แล้วเวลาแก้เค้าจะแก้จากปัญหาที่เกิดขึ้น หรือมันเกิดขึ้นจากความไม่พอใจ บางทีสรีระของเรามันเปลี่ยนทุกวัน ของพวกนี้มันเป็นสิ่งแปลกปลอม นำไปวางแล้วเกิดร่างกายเรามันเปลี่ยนทุกวัน อาจจะตกตามแรงโน้มถ่วง จากเดิมที่อยู่องศาที่สวยงาม วันหนึ่งมันอาจจะตกลงมาก็ได้ พอมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอาจจะมีผลในองค์ประกอบหลายหลายอย่างของใบหน้าเรา เราก็เลยต้องแก้ ไม่ได้แปลว่าเราว่างแล้วถึงจะต้องไปแก้เจ็บ ใครจะอยากไปเก็บตัวเรื่อยเรื่อยเสียงเงินด้วย แต่สำหรับพี่ถ้ารู้สึกว่ามันมีปัญหา หรือมันเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้แล้วมีคน หมอเริ่มทักว่ามันมีปัญหาแล้ว อันนี้พี่จะทำตามหมอ เคยเหมือนกันนะอยากได้ตามอารมณ์ เห็นดาราคนนั้นอยากได้แบบนี้ เห็นทรงนี้อยากได้แบบนั้น พอไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าไม่มีปัญหาก็ไม่ทำให้แม้ว่าเค้าจะได้เงิน ก็แปลว่าเราไม่ได้มีปัญหาจริงๆ ปากที่เห็นก็ฉีดเอา มีคนแอบแซวเหมือนกันนะว่าเหมือน แองเจลีนาโจลี ไม่มีอะไรแค่แพ้อาหารทะเล (หัวเราะ)”

กลัวมั้ยคะว่าคุณจะมองว่าพี่ เจ๊แหม่ม เสพติดศัลยกรรม ?

“มันไม่ได้เสพติดหรอก ก่อนนี้ถูกว่า เสพติดศัลยกรรม ก็แอบปรี๊ดเหมือนกันนะ แต่เดี๋ยวนี้เราเฉยๆเพราะจริงๆแล้วก็มีคนทำ ศัลยกรรม เยอะกว่าเราอีก คือมันก็เป็นความสุขแบบหนึ่งในชีวิต พี่มองว่าถ้าเราทำแล้ว ปัญหามันไม่เกิด สามารถแก้ปัญหาที่มีอยู่บนใบหน้าจนเราพอใจได้ ก็ทำไปเถอะ คือถ้าหมอวิเคราะห์แล้วว่าเราทำแล้วดีก็ทำเลย เสพติด ไม่เสพติดพี่ไม่รู้ แต่ถ้ามันทำแล้วมันดีขึ้น ทำแล้วสบายใจขึ้น อีกอย่างเงินมันก็คือเงินในกระเป๋าเราด้วย ก็ทำไปเถอะ คุณก็ทำไปเถอะ เจ๊แหม่ม ก็ไม่เคยว่าอะไร ถูกไหมครับ”

จุดเริ่มต้นทำไมเราถึงคิดทำ ศัลยกรรม ค่ะ?

“ผัวตายค่ะ (หัวเราะ) ผัวคนแรกตายค่ะ คือตอนนั้นวงการ ศัลยกรรม มันก็ยังไม่ได้คึกคักเหมือนตอนนี้เนอะ ทุกวันนี้ถือว่าวงการ ศัลยกรรม ดีมากนะ ปัญหามันเกิดแหละ เราอยู่ในวงการนี้มาเราก็พอจะรู้ บางทีปัญหามันเกิดขึ้นเหมือนภัยร้าย มันมาจากปัจจัยหลายหลายอย่าง เช่นบางทีการดูแลตัวเองไม่ดี ติดเชื้อ หรือระบบร่างกายเราไม่ดี ทำให้เสี่ยงติดเชื้อก็เป็นได้ บางทีเราไปโทษหมอ หรือบางทีโทษตัวเอง อย่างเดียวมันก็ไม่ได้ ก็ต้องดูหลายๆอย่าง เราจะเข้าใจมันถ้าเราอยู่กับมันไปนานๆ อย่างที่บอกครับบางทีมันก็ต้องทำไปเรื่อยเรื่อย เพราะอายุเราเพิ่มมากขึ้น ความแก่มันก็ไม่เยือน เราก็จะค่อยๆปรับให้มันดูดีขึ้น สมวัย ไม่ได้ทำให้มันดูประหลาดหรือแปลกไป”

จุดแรกที่ทำคืออะไรคะ?

“จุดแรกที่ทำเลยคือจมูก พี่เป็นคนจมูกโต แล้วแก่นมันไม่พุ่ง พอแกนมันไม่พุ่งกับจมูกโตมันก็เลยดูขัดกัน ก็เลยไปทำจมูก พอทำเสร็จก็แก้ปีกจมูกก็เริ่มรู้สึกว่าหน้าเริ่มดีขึ้น จากมุมที่เคยถ่ายรูปตรงกลางไม่ได้ ตอนนี้ก็ถ่ายรูปตรงกลางได้ พอมองด้านข้างรู้สึกว่าหน้ายังใหญ่อยู่ก็ไปฉีดสลาย ไขมันให้หน้า ดูมีกรอบมากขึ้นกรอบชัดขึ้น มันก็รับกับจมูก เราต้องเรียนรู้สรีระของตัวเองไปเรื่อยๆ บวกกับการเรียนรู้เทคโนโลยีวิวัฒนาการของการทำศัลยกรรม วันนี้มันมีตัวนี้เข้ามา วันหน้ามันมีตัวที่ใหม่กว่าเจ็บตัวน้อยกว่าเข้ามา เรียนรู้ไปเสียเงินไปๆ ทั้งชีวิต”

สนนราคาตั้งแต่วันแรกที่ทำจนถึงวันนี้ทั้งหมดเท่าไหร่คะ?

“โอ้โห เอา ทั้งตัว เลยนะ เพราะบางทีมีดูดไขมันแบบใช้เครื่องทำความเย็น แต่ไม่เคยแทงๆเข้าไปนะ แต่ตอนนี้ไม่ดูดไขมันแล้ว ใช้วิธีธรรมชาติแล้ว ถ้าทั้งหมด ทั้งตัว รวมหน้าด้วย พี่ว่า 5-6 ล้าน ไม่อยู่มั้ง ที่ทำทั้งหมดนี้ก็เป็นหมอไทย มีเกาหลีบ้างเล็กๆน้อยๆ”

ทุกวันนี้ยังรู้สึกอยากจะทำอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ?

“ไม่แล้วตอนนี้อยากเอาสุขภาพให้ดีอย่างเดียว ที่เหลือก็ไม่คิดจะทำอะไรเพิ่ม แค่ทำที่มีอยู่ ให้อยู่กับเราได้ไปอีกนานนาน คงสภาพที่มันอยู่กับเราสมวัยไปให้ได้นานที่สุด จะไม่ทำอะไรที่มันปะหลาดไปกว่านี้แล้ว สำหรับพี่ที่หมดไปเยอะคือเรื่องของผม ทำ ศัลยกรรม ผมมันใช้เงินเยอะมาก มันคือการปลูกผมครับ ทีนี้การปลูกผมเนี่ยมันไม่ได้แปลว่าจะปลูกได้รัวๆ ผมเราจากการที่เราไปดึงมาจากด้านหลังมันก็มีหมด เพราะเวลาเราดึงออกมามันไม่ได้ขึ้นใหม่เรายกมาทั้งเซลล์เลย เป็นการย้ายมา ฉะนั้นเราก็ต้องทำข้างหลังให้ดูเนียนที่สุด ไม่ให้มันโบ๋ ตรงนี้เป็นข้อจำกัดของการทำศัลยกรรมปลูกผม ทำได้ไม่มากแต่ก็โดนไป 7-8 ครั้งอยู่เหมือนกันนะ ครั้งหนึ่งทำก็ตกประมาณครั้งละ 200,000 บาท แพงนะ แต่ก็ต้องยอม เรื่องความเก่งของเทคโนโลยีสมัยนี้ กับ ฝีมือหมอ ซึ่งมันดีขึ้นกว่าในช่วงแรกๆที่พี่ทำศัลยกรรมปลูกผม เดี๋ยวนี้ทำเสร็จคุณสามารถกลับไปบ้านทำงานได้เลยไม่เหมือนสมัยก่อน ในสมัยที่พี่ทำแรกแรกต้องนอนพักฟื้น เมื่อสักประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นแผลนอนไม่ได้เลย แผลต้องนอนเกร็ง คอแข็งตลอดเวลา อยู่เป็นเดือน”

มีแฟนๆเข้ามาปรึกษาหรือมาถามบ้างไหมค่ะว่าทำที่ไหน?

“มีครับแต่พี่ก็จะบอกเขานะว่า ต้องหาข้อมูลอย่าเชื่อพี่ ถ้าถามพี่ว่าพี่ทำที่ไหนพี่บอกได้ แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะทำแล้วออกมาเหมือนพี่ แม้ว่าเราจะทำในสถานที่เดียวกัน เว้นแต่ว่าคุณต้องหาข้อมูล ให้ตัวเองว่าปัญหาของตัวเองคืออะไร แล้วไปหาหมอที่เขาเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คุณหมอหนึ่งคนไม่ได้แปลว่าเก่งทุกอย่าง แต่ละคนก็จะมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เป็นปัญหายิบย่อยเต็มไปหมด เราก็ต้องวิ่งไปหาคุณหมอที่เก่งในเรื่องนั้นๆ ซึ่งถ้าเราหาหมอที่เก่งในเรื่องนั้นแล้วแก้ปัญหาให้เราได้ เราก็จะดูสวยขึ้นดูหล่อขึ้นตามที่ใจเราต้องการ”

เรียกว่าตอนนี้พี่ เจ๊แหม่ม พอใจในทุกๆอย่างที่เป็นอยู่แล้วไม่คิดจะทำอะไรเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ?

“ตอนนี้ออกกำลังอย่างเดียวครับ ข้างนอกพี่โอเคแล้ว พี่ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่พี่กลัว ข้างในอย่างเดียว เรื่อง สุขภาพ เรื่องไขมัน ที่มันไปอุดตันตามผนังหลอดเลือด อะไรพวกนี้พี่กลัว เพราะพี่รู้สึกว่ามันเป็นภัยเงียบนะ อีกอย่างหนึ่งคือมัน ประมาทไม่ได้ ตรงที่เราเคยเผอเรอไป เพราะความอยากกิน เราเผอเรอไป เพราะว่าอายุที่เยอะขึ้นแล้วเราไม่ออกกำลัง เราก็ต้องกลับมาให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น เพื่อเอาเค้าให้อยู่ เราก็อยู่กับเราไปนานๆ”

เป็นอีกหนึ่งคนที่ตอบคำถามได้ชัดเจน หมดเปลือกจริงๆค่ะ สำหรับพี่ เจ๊แหม่ม เจ้าตัวบอกว่า ตอนนี้พอใจกับทุกส่วนของร่างกายแล้ว ขอพักเรื่องศัลยกรรม ไว้ก่อน หันมาดูแลตัวเอง ดูแล สุขภาพ ให้มากขึ้นนั่นเอง