หากใครที่ติดตามอินสตาแกรมของ ติ๊ก กนิษฐรินทร์ อดีตภรรยาของ หนุ่ม ศรราม จะเห็นว่าพักหลังมานี้ สาว ติ๊ก ได้มีโอกาสเจอกับลูกสาวอย่างน้อง วีจิ บ่อยขึ้น ทำงานมากขึ้น และที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้เจอผู้สื่อข่าวเท่าไหร่นัก
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอกับสาว ติ๊กเลยขออัพเดทเรื่องราวชีวิตสักหน่อย โดย ติ๊กเล่าว่า “ได้เจอลูกก็ดีใจค่ะ การที่เราทำผิดพลาดมา แล้วเราได้รู้จักปรับปรุงแก้ไขตัวเอง แล้วพี่เขาก็สบายใจขึ้นไว้วางใจติ๊กมากขึ้น วันนี้เราได้เจอลูกอาทิตย์ละครั้ง ติ๊กก็ดีใจ แฮปปี้ คนเป็นแม่เนอะ เฝ้ารออยากจะกอดลูกทุกวันแหละ ก็ได้เจอวันที่เราสะดวก และพี่เขาสะดวกค่ะ”
“บางทีพี่ หนุ่ม งานก็เยอะ เวลาที่ได้เจอลูกก็จะเจอพี่หนุ่มได้น้อยครั้ง เวลาเราจะคุยกัน ปรึกษาหารือในการตกลงในการเจอลูกพี่ หนุ่ม ก็จะมาคุย และไม่ได้มีท่าทีที่ไม่ดีเลย เขาก็น่ารัก” “วันนี้ติ๊กเข้มแข็งแล้วทั้งกายและใจ ติ๊กคิดว่า 9 เดือนที่ผ่านมาได้พัฒนาตัวเอง มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ วุฒิภาวะทางหน้าที่การงานติ๊กก็ทำได้ดี อันนี้ติ๊กมั่นใจ ติ๊กก็พร้อม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากจะขอพี่ หนุ่ม ให้น้องมานอนค้างคืนกับเราไหม ติ๊ก เปิดใจทั้งน้ำตา ว่า
“อันนั้นเป็นสิ่งที่ฝันมาตั้งแต่วันแรกที่ออกมาจากบ้านแล้ว 7 วันรู้แล้วว่ามันโหยหาลูกมาก ลูกจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีอกของเรา (ร้องไห้) ลูกจะนอนผวาไหมถ้าไม่มือของเรา มันเซ้นซิทีฟนะคะ จริงๆ ไม่อยากจะร้องไห้แล้ว ถ้าพี่ๆ ถามเรื่องลูก มันเป็นแผลที่อยู่ในใจ แล้วที่ติ๊กไม่อยากให้สัมภาษณ์ มันจะกลายเป็นว่าเปิดแผลตัวเอง แล้วเราก็จะเจ็บเอง เลยไม่อยากให้สัมภาษณ์ แต่ว่าอยากนอนกับลูกตั้งแต่คืนแรกที่ออกมาแล้วนะคะ”
“พอได้เจอลูก ยิ่งเจอยิ่งทรมานค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าการเจอแล้วจะดีขึ้น ติ๊กเป็นแม่คน ถ้ามันไม่ใช่คำว่าแม่มันจะไม่โหยหาเพิ่มค่ะ ยิ่งเจอยิ่งโหยหา ยิ่งเจอยิ่งคิดถึง ลูกเขาก็จำได้ ตอนแรกติ๊กกลัว ด้วยความเป็นแม่ไม่ได้เจอลูกมานานก็เลยกลัวว่าลูกจะลืมเรา แต่ด้วยสัญชาตญาณของแม่ยิ่งเจอยิ่งมีความมั่นใจว่าลูกไม่ลืมติ๊กหรอก”
“ปกติ ติ๊ก คอลคุยกับลูกทุกวันค่ะ แต่มีบางวันที่มีงาน วีจิจะตื่นเช้า ช่วงเวลา 5-6 โมงเป็นเวลาที่เด็กต้องกินข้าวนอน เราก็จะรู้ว่าเวลาไหนควรคอล เวลาไหนไม่ควร แต่ช่วง 3 วันที่ผ่านมาติ๊กค่อนข้างมีงานเยอะก็ไม่ได้คอล แต่ปกติจะคอลทุกวันค่ะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ติ๊ก ยังโหยหาความเป็นครอบครัวอยู่ไหม ติ๊ก เปิดใจต่อว่า
“เรื่องนี้ ติ๊ก ไม่ได้คาดหวัง คิดว่าถ้าอะไรใช่คือใช่ ปฏิบัติแก้ไขให้ดี ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทำหน้าที่การงาน ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน ดูแลตัวเองให้ดี เพื่อวันหนึ่งลูกโตขึ้นมานะได้ประคับประครองเขาได้ แล้วอย่ากลับไปผิดพลาดซ้ำๆ อีกก็พอแล้วค่ะ”
“ติ๊กโทษตัวเองมาตลอดที่ลูกต้องเป็นแบบนี้เพราะแม่ตัวเองผิดพลาด เราทำผิดพลาด ทุกอย่างมันจบแล้ว ติ๊กคิดแค่นี้ ไม่ต้องการเรียกร้องอะไรแล้ว ก็ขอให้มันเป็นไปตามวันและเวลาที่เหมาะสม ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
“เรื่องลูกเรา ก็มีปรึกษาบ้างค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตัดสินใจหลักๆ เลยก็ให้พี่ หนุ่ม เป็นคนเลือกดีกว่า ติ๊ก ยังเคารพและรักเขาเหมือนเดิม เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่าติ๊กถึง 10 ปี ติ๊กเคารพการตัดสินใจทุกอย่างของพี่เขาค่ะ เจอกัน 3 คน ก็คุยกันแต่เรื่องลูก”
เรื่องพัฒนาการของน้อง วีจิ สาว ติ๊ก เล่าต่อว่า
“วีจิ พูดช้าแต่เดินเร็วมาก ติ๊กมั่นใจว่าลูกติ๊กพูดได้ แต่อารมณ์เขาเหมือนเป็นศิลปิน ถามว่าเรียกแม่ได้หรือยัง ยังไม่ได้ค่ะ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ถามว่าวันนี้คือตั้งหลักให้ตัวเองได้แล้วใช่ไหม เจ้าตัวยืนยันเสียงแข็งว่า
“อยู่ได้แล้ว คือวันนี้หนูแข็งแกร่งและเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม อะไรที่เราผิดก็โฟกัสที่เราผิด แค่นั้นก็จบแล้วค่ะ ต่อไปพี่ๆ ก็จะได้เห็นภาพของคนที่แก้ไขมันจะดีขึ้น ภาพของคนที่แก้ตัวพี่จะมองไม่เห็นอะไรเลย”
“ตอนนี้ทำงานเก็บเงินอย่างเดียวค่ะ 50 บาทก็เก็บหมด หนูจะมีเงินฝากเข้าบัญชีลูกแบบไม่ถอน มันอาจไม่ใช่เงินเยอะมากเพราะต้องฝ่าฝันอุปสรรคมันยากมากเลยนะคะ วันนี้ 50 บาท 100 หรือ 200 บาท ก็เยอะมากแล้วค่ะ”
“หนูไม่อยากจะย้อนเรื่องหนี้เนอะ เพราะเคยพูดไปแล้ว ไหนๆ ตอนนี้มันก็ดีขึ้นแล้ว ให้มันเป็นพาร์ทที่หนูตั้งหลักหางานหาเงินได้ดีกว่า หนูเคยบอกไปแล้วว่าหนี้หมดแล้ว”
สุดท้ายถามว่า ก้าวผ่านเรื่องราวแย่ๆ มาได้อย่างไร ติ๊ก เผยว่า
“อันดับแรกเลยคือเราต้องยอมรับความผิดของตัวเองก่อน ไม่โทษอะไรเลย ติ๊ก โทษตัวเองและยอมรับในความไม่ดีของตัวเอง หนูมีทุกอย่างได้ก็เพราะวีจิ”
ดูเหมือนว่าสาว ติ๊ก จะมีกำลังใจมากขึ้น ได้เจอน้อง วีจิบ่อยขึ้น แถมงานก็มีเข้ามาไม่ขาด แอดขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้สาว ติ๊ก ด้วยนะคะ แอดเชื่อว่า วันหนึ่งต้องมีโอกาสได้พาน้อง วีจิ ไปนอนด้วยอย่างแน่นอนจ้า