น้าหมู พงษ์เทพ เล่าหมดเปลือกทั้งเรื่องรัก และเรื่องที่เคยป่วย มะเร็ง

น้าหมู พงษ์เทพ เล่าหมดเปลือกทั้งเรื่องรัก และเรื่องที่เคยป่วยเป็น มะเร็ง รับเคยถูกสาวขอ แต่งงาน เคยอก หักเจ็บหนักมากถึงกับเสียน้ำตา มาแล้ว

เป็นอีกหนึ่งนักร้องมากความสามารถ เรียกว่าระดับตำนานเลยก็ว่าได้ และ กวีศรีชาวไร่ เป็นสมญานามของเขา นั่นก็คือ น้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ นักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่เป็นผู้ที่ใช้ภาษาและการเขียนหนังสือ ด้วยถ้อยคำกวีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและกลิ่นอายของชนบท น้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ถือเป็นศิลปินเพื่อชีวิตระดับตำนานของประเทศไทย น่าจะเป็นศิลปินไม่กี่คนที่เล่นคอนเสิร์ต ยาวนาน 4-5 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน ในรูปแบบคนพูดเพลง ซึ่งหมายถึงการพูดให้ความบันเทิง เล่าเรื่อง เล่านิทาน ด้วยมุขตลก สลับกับการร้องเพลงไปด้วย เชื่อว่าน้าหมูมีแฟนคลับเยอะมากๆที่ติดตามผลงานมาโดยตลอด และนี่คือบทสัมภาษณ์ น้าหมู แบบเต็มรูปแบบทั้งเรื่องราวชีวิต และ ความรัก

ล่าสุด น้าหมู ได้มเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show มาเปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจ เพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรกแบบหมดเปลือก เผยวินาทีแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ถึงขั้นเล่นกีต้าร์ไม่ได้จนถึงตอนนี้ พร้อมเปิดชีวิตที่น่าจะอาภัพเพราะหวงแหนความเป็นตัวเอง ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนอะไร พร้อมเล่าถึงด้านงานเพลงในช่วงแรกอยากโชว์เพลงของตัวเอง เลยขอแอ๊ด คาราบาว ขึ้นไปร้องได้ท่อนเดียวโดนโห่จนต้องลงมานั่งร้องไห้ข้างเวที เผยประสบการณ์ทำเพลงดีแต่ไม่มีใครฟังของ น้าหมู พงษ์เทพ โดย น้าหมู เล่าว่า

อันนี้เรียกว่า น้าหมู เป็นสมาชิกของคาราบาวไหม ?

หมู พงษ์เทพ : ไม่เขาชวนอยู่แต่เราไม่เป็น วันหนึ่งที่คาราบาวไปเล่นที่มหาวิทยาลัยเกษตรบางเขนเราก็บอก แอดๆขอขึ้นไปร้องหนึ่งเพลง แต่พอเราขี้นไปร้องได้ท่อนเดียวมันโห่เลยไม่เอาเพลงอะไรไม่รู้เรื่องจะเอาคาราบาวเราต้องลงมาจากบนเวทีมานั่งร้องไห้แล้วเล็กเขาก็เดินมาปลอบใจเพลงพี่นี่ดีมากเลยนะ เราก็มองหน้าเพลงดีอะไรทำไมมันไม่ฟัง (หัวเราะ)

ก่อนหน้านี้เราจะได้ยินข่าวกันที่ทำให้เราเป็นห่วงพี่หมูไม่สบาย?

หมู พงษ์เทพ : เป็นมะเร็งครับ มีวันหนึ่งเล่นที่พระราม 2 เล่นอยู่กลางๆเพลงนะขอโทษนะ อึราดเลยเราเลยไปส่องกล้องเจอมะเร็งเป็นระยะสุดท้ายแล้วที่จะเข้าไปต่อมน้ำเหลืองแล้ว เราก็ขายทุกอย่างเลยขายรถ ขายบ้าน ขายม้า กีตาร์เกือบหมดตู้ขายหมดทุกอย่างเลย แต่ที่มันโหดร้ายคือแขนของเราหมดความรู้สึกเดี๋ยวนี้คือ เล่นกีตาร์ไม่ได้เลยได้แต่อุ้มไว้

เพราะ พี่หมู หวงแหนความเป็นตัวเองมาก ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนอะไรเลย ?

หมู พงษ์เทพ : ชีวิตผมมันน่าค่อนข้างจะอาภัพนะเหมือนโบราณที่บอกว่าถ้าเรามุ่งมั่นเป็นศิลปินมันจะต้องขายวิญญาณให้ซาตานนะ จะเจ็บจะปวดจะรวดร้าวยังไงต้องยอมเหมือนซาตานมาเอาวิญญาณเราไปเพื่อเป็นข้อแลกให้เราเป็นศิลปิน ผมเป็นคนที่ห่วงแหนความเป็นตัวเองจะไม่ให้ใครมาเปลี่ยนอะไรได้คือ แบบอยู่อย่างชาวบ้านแบบมานอนเตียงเดียวกัน มากินข้าวมื้อเย็นร่วมกันผมทำไม่ได้คือ ถ้ามีแฟนมีอะไรต้องอยู่กันคนละบ้าน หรือ คนละอำเภอไปเลย

เคยไปเจอรักครั้งแรกในป่า ?

หมู พงษ์เทพ : ครั้งแรกที่เจอตอนอยู่ในป่านกเขาไฟ ผู้หญิงคนหนึ่งคือ คนชนชาติลัวะ คือ สวยมากหัวล้านไปครึ่งหัวเพราะเขาเอาหนังคาดหัวแล้วพันแล้วแบกของขึ้นเขากล้ามน่องเขาเป็นมัดๆเลยสวยมาก เขาจับงูมือเปล่าได้เลยเห็นไม่ได้คือ วิ่งไล่จับเลยงูกลัวถูกกิน แล้วถ้าเรียกไม่ขานนะเขาเรียกผมสหายแคน ถ้าเรียกแล้วไม่ขานโดนกินเลยนะ (หัวเราะ) และคือ เขาขอเราแต่งงานด้วย

และความรักที่อกหักที่สุด?

หมู พงษ์เทพ : ที่หนักที่สุดแล้วก็สะเทือนที่สุดคือ เพลงน้ำตาหอยทาก คือ ผู้หญิงคนนี้เรารู้สึกว่าอยากจะแต่งงานด้วยเพราะชีวิตของผมไม่เคยพูดถึงเรื่องแต่งาน แต่คนนี้เราอยากแต่งด้วยเลยตัดสินที่จะแต่ง แต่ครอบครัวของเขาจะเป็นคนจีนแม่ของเขาก็เสนอว่าถ้าจะอยู่กับลูกเขาต้องเลิกร้องเพลงแล้วมาค้าขายตอนนั้นคือ เราอกหักเลยสภาพกินข้าวไปร้องไห้ไป

ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า นักร้องนักดนตรีคุณภาพอย่าง น้าหมู จะเคยโดนโห่จนต้องลงจากเวทีมาแล้ว ส่วนในเรื่องของอาการป่วย ตอนนั้นน้าหมูต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อมารักษาตัวเอง และไม่น่าเชื่อว่าน้าหมูจะเคยอกหักด้วยนะคะเนี่ย บอกเลยว่าหลายๆเรื่องที่น้าหมูมาเปิดใจ บางคนก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนนั้นเองค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
กิก ดนัย โอด เพราะโควิด ทำร้านอาหารกระทบหนัก