สุดกลั้น เอกชัย ศรีวิชัย รับ ทำทุกอย่าง เพื่อสร้าง ปาฏิหาริย์ ให้ คุณแม่ฟื้น

สุดกลั้น เอกชัย ศรีวิชัย รับ ทำทุกอย่าง เพื่อสร้าง ปาฏิหาริย์ ให้ คุณแม่ฟื้น หลังจากป่วยหนักสลบไปสองเดือน

เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องชื่นชมในเรื่องของความเป็นลูกที่ กตัญญู ต่อ คุณแม่ สำหรับนักร้องรุ่นใหญ่ เอกชัย ศรีวิชัย อย่างที่ทราบกันว่าก่อนหน้านี้ คุณแม่ ของ พี่เอก ป่วยหนัก ต่อมาเจ้าตัวก็ไปบนบานศาลกล่าว ขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยสร้าง ปาฏิหาริย์ ทำให้ คุณแม่ฟื้น อาการดีขึ้น พยายาม ทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง ซึ่ง ปาฏิหาริย์ ก็มีจริง คุณแม่ของ พี่เอก ดีขึ้น ทั้งจากความสามารถของแพทย์ และเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้น เจ้าตัวก็บวช เพื่อเป็นการแก้บน ซึ่งล่าสุด เอกชัย ได้มาเปิดใจเรื่องราวต่างๆผ่านรายการ วู้ดดี้โชว์ โดยเจ้าตัวเล่าว่า

“ ก่อนหน้านั้นประมาณเกือบสองปีคุณแม่ป่วยด้วย โรคสโตรก เส้นโลหิตในสมองตีบ พอพาไปส่งโรงพยาบาล เอกซเรย์ดูแล้วปรากฏว่า เส้นเลือดในสมองของแม่ซีกขวาตีบ มันเป็นเส้นใหญ่หมอบอกว่าต้องผ่าตัด ต้องผ่าตัดที่สมองซึ่งเรารู้สึกว่าการผ่าตัดมันเป็นเรื่องใหญ่มาก แม่อายุเกือบ 80 แล้ว ซึ่งพี่ก็ยืนยันว่าถ้าผ่าตัดพี่ไม่ยอม ปรากฏว่าสมองแม่ก็เริ่มบวม ต่อมาพี่ก็ย้ายโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่น่าจะเกิน 72 ชั่วโมงคุณแม่น่าจะเสียชีวิต ทุกครั้งที่พยาบาลเปิดประตู ใจเราหายทุกครั้ง ตอนนั้นเราคิดแต่เพียงว่าทำยังไงก็ได้ให้แม่อยู่กับเราให้นานที่สุด แต่ในขณะเดียวกันพี่ก็โทรไปที่วัดเพื่อจัดศาลา ซื้อโลงศพเตรียมทุกอย่างเพื่อไม่ให้มันฉุกละหุก แต่ใจก็ยังหวังว่าคุณแม่จะต้องกลับมาอยู่กับเรา ”

“ อาการของแม่คือ เมื่อสมองบวมมาทับอีกฝั่งหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ อย่าให้มาทับก้านสมอง ถ้าทับก้านสมองการหายใจของแม่ก็จะล้มเหลว นั่นก็คือการเสียชีวิตเลย โดยคุณหมอก็บอกว่ามีทางเลือกอีกทางหนึ่งก็คือผ่ากะโหลกออก พี่มีคนรู้จักที่เป็นหมออยู่ก็ปรึกษาเค้า เขาบอกว่าในสมองของคนแก่ มันมีพื้นที่ให้สมองอยู่ สมองมันไม่เต็มเหมือนกับเด็กหนุ่มๆสาวๆ ฉะนั้นในการบวมมันพอมีพื้นที่ให้สมองอยู่ได้ พี่เลยตัดสินใจที่จะไม่ผ่า เมื่อ 72 ชั่วโมงมันผ่านไป คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ แต่แม่ไม่รู้สึกตัว สลบไปทั้งหมดสองเดือน ซึ่งคุณหมอก็บอกว่ามีโอกาสเป็นเจ้าหญิงนิทรา ”

“ หลังจากนั้นพี่ก็พึ่งไสยศาสตร์ ทั้งๆที่ ที่ผ่านมาไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย ในสองเดือนนี้พี่ทำทุกอย่างเช่น ไปนั่งวิปัสนา ไปทำวัตรเย็น ไปปล่อยปลา ไปไหว้พระทุกวัด และทุกๆครั้งที่ไปทำก็จะมากระซิบบอกแม่ ว่าวันนี้หนูไปทำอะไรมาบ้าง แล้วรวมทั้งการบวชพระ คนที่ไม่มีทุนที่จะบวช พี่เอก ก็ไปบวชให้ แล้ววันที่เกือบๆครบสองเดือนพี่ก็ไปหาน้ำมนต์ที่ภาคใต้ ขับรถจากสงขลาเพื่อขึ้นมากรุงเทพ เอาน้ำมนต์มาให้แม่ ถึงตอนเช้าวันเดียวกันกับที่พี่ต้องไปบวชพระ ไปบวชพระอีกหนึ่งรูปเป็นรูปที่ 9 เอาน้ำมนต์มาล้างหน้าแม่แล้วก็สวดญัตติพระตอน 14 นาฬิกา 5 นาที แม่ พี่เอก ฟื้นตอน 14 นาฬิกา 15 นาที ”

“ พี่ขับรถจากวัดบัวขวัญ ไปโรงพยาบาลขับไปร้องไห้ไป แล้วแม่ก็ฝืน ซึ่งก่อนหน้านั้นพี่ก็บนครูบาครูหมอของโนราว่าอย่าให้แม่พี่ต้องนอนอยู่แบบนี้ พี่จะบวช พูดอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งวันนั้นแม่ก็ลืมตาขึ้นมา แม่ลืมตาขึ้นมาแม่จำลูกๆได้หมด พัฒนาการของแม่คือเริ่มลุกขึ้นนั่งได้ จากสิ่งที่เราไม่มีความหวังเลย ตอนนั้นแม่ดีขึ้นตามลำดับ ”

ถามว่า ข้อความใน อินสตาแกรม ตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่?

“ ข้อความนั้นไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงแต่รู้แต่เพียงว่าเราไม่มีแม่ไม่ได้ อยากให้แม่สู้ พี่พูดกับแม่อยู่ตลอดเวลาว่า แม่ไม่มีทางรู้เลยว่าลูกรักแม่แค่ไหนถ้าแม่ไม่ฝืนกลับมา ถ้าแม่ฟื้นกลับมาหนูจะทำให้แม่รู้ว่าหนูรักแม่ที่สุด และพี่ก็โชคดีที่แม่ฟื้นกลับมาให้ได้แสดงความรัก ตอนที่เขียนแคปชั่นในไอจีพี่ว่าพี่เหงา มันเพ้อแต่ว่าในความเพ้อ มันออกมาจากแก่นของหัวใจ ของลูกคนหนึ่งที่รอแม่ ซึ่งพี่ไปบนไว้แล้วพี่ก็บวชแก้บน พี่ถามแม่ว่าสองเดือนที่แม่สลบไปแม่ไปไหนมาบ้าง คำตอบก็คือแม่รู้ว่าพี่ไปนั่งวิปัสสนา แม่รู้ว่าวัดนี้ที่พี่ไปทำวัตร ที่นี่พี่ไปปล่อยปลา มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ”

“ สิ่งที่ได้มาตอนนี้มันเกินคาดแล้ว พี่เห็นแม่กระดิกนิ้วได้พี่ก็ดีใจแล้วนะ เวลานี้แม่ทานข้าวได้ มันก็เป็นที่สุดแล้ว สิ่งที่พี่ทำกับแม่มาตลอดระยะเวลาที่พี่เกิดมาแม่รู้ดี ขอบคุณแม่อีกครั้งหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาเพื่อให้ลูกได้แสดงความรัก ตื่นขึ้นมาเพื่อให้ลูกได้ชดใช้ค่าน้ำนมของแม่จนกว่า ไม่รู้ว่าใครจะไปจากกัน ”

เรื่องราวของ พี่เอก ทำให้แอดซึ้งตามจริงๆ และต้องชื่นชมในความกตัญญูของ พี่เอก ด้วย ทำให้เราย้อนกลับมามองดูตัวเอง ตอนนี้ที่ท่านยังอยู่กับเรา เราดูแลพวกท่านดีพอที่ลูกคนหนึ่งจะทำให้ได้หรือยัง ซึ่งแอดก็ขอให้คุณแม่ของ พี่เอก แข็งแรงขึ้นในทุกๆวันนะคะ