พี่เอส ผู้พลัดพรากแม่ 43 ปี ปัจจุบันแกทำอาชีพขับรถสองแถวย่านศรีนครินทร์ เดินทางมาเปิดใจคุยกับอีเต้ยอีจัน ถึงจุดเริ่มต้นการพลัดพราก
ย้อนไปตอนนั้น พ่อกับแม่พบรักกันที่กรุงเทพฯ มีลูกด้วยกัน 2 คนคือพี่เอส น้องแอน ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านฝั่งพ่อ
ป้าเล่าให้ฟังว่า ตอนพี่เอสอายุได้ 3 ขวบ พ่อยังวัยรุ่นและเจ้าชู้ จึงเกิดเหตุทะเลาะกับแม่ แม่เอาขวดน้ำปลาตีพ่อจนย่าโกรธไล่แม่ออกจากบ้าน นั่นเป็นจุดที่ทำให้พี่เอสต้องพลัดพรากแม่
อีเต้ยอีจัน คุยเปิดใจพี่เอส ผู้พลัดพรากแม่ 43 ปี“หลังจากแม่ไป…แม่ได้กลับมาหาบ้างไหม?” อีเต้ยถาม
พี่เอสบอก เหตุการณ์ที่จำได้ไม่ลืมเลย คือ ช่วงอนุบาล เขากำลังนั่งรถสองแถวกลับจากโรงเรียน มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเรียกไปหา พาไปเลี้ยงขนมและน้ำอัดลม พี่เอสก็ไว้ใจและรู้สึกได้ว่านี่แหละ ‘แม่’
และไม่กี่วันต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาอีกครั้งพร้อมถุงมะยม เรียกหาพี่เอสที่หน้าบ้าน ช่วงเวลานั้นพี่เอสไม่ได้มองหน้าแม่ให้ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง อาจเพราะยังเด็กอยู่ หลังจากนั้นแม่ก็ไม่มาหาอีกเลย…
ในตอนแรกย่ากับปู่ก็เลี้ยงดูพี่เอสและน้องมา แต่หลังจากพวกท่านเสียก็ต้องดูแลกันเองเพราะไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ ช่วงวัยรุ่นพี่เอสก็มีปัญหากับพ่อบ้าง จนคิดถึงแม่ขึ้นมา ด้วยความน้อยใจชีวิต “ถ้ามีแม่ ชีวิตคงไม่เป็นแบบนี้”
พี่เอสทำงานเลี้ยงตัวเองมาตลอด เรียกได้ว่าลำบากมาตั้งแต่เด็กๆ สู้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้ เวลาผ่านไป 43 ปี ยังคอยนึกถึงแม่ ก่อนภาพจำจะเลือนราง ตัดสินใจส่งเรื่องมาให้อีเต้ยอีจันช่วยตามหา
พี่เอสหวังปลดล็อคปมในใจ 43 ปี พลัดพรากแม่ ขอเห็นหน้าแม่ชัดๆอีกสักครั้งอีเต้ยเอ่ยปากถามพี่เอสว่า หากได้พบเจอแม่อยากทำอะไร?
“อยากจับหน้าแม่มองให้ชัดๆ แล้วเรียกแม่ดังๆ แม่ครับ ผมคิดถึงแม่ อยากขอขมากรรม อธิษฐานหากชาติหน้าได้เป็นแม่ลูกกันก็ขออย่าได้พลัดพรากกันอีกเลย
เราเข้าใจพี่เอสอย่างสุดหัวใจเลยค่ะ จึงตัดสินใจทำภารกิจตามหาแม่ให้พี่เอสอย่างเต็มที่!
“สุนิสา ปทุมานนท์” หลักฐานแม่ที่ปรากฏในใบแจ้งเกิด ระบุเพียงชื่อนามสกุล เลข 13 หลักก็ไม่มี แล้วจะตามหายังไงล่ะ
โชคยังดี ป้าพี่เอสจำเรื่องราวของแม่ได้ จึงให้ข้อมูลมาว่า แม่สุนิสา เป็นลูกบุญธรรมของเจ้าของโรงเรียนเอกชนเก่าที่ปิดตัวไปแล้ว ใน อ.เมืองภูเขียว จ.ชัยภูมิ แกเรียนด้านครูมา จึงคิดว่าอาจทำอาชีพครูอยู่
ถึงเบาะแสจะมีน้อยแต่ก็เป็นข้อมูลสำคัญในการเริ่มตามหาแม่สุนิสา อีเต้ยอีจันมุ่งหน้าสู่ จ.ชัยภูมิ หวังถามหาเบาะแสเพิ่มเติมในตลาดตัวเมืองภูเขียว
พี่เมย์ ทีมงานอีเต้ยอีจันเล็งคุณลุงเย็บผ้าจึงลองเข้าไปสอบถาม แต่ด้วยรายละเอียดเบาะแสมีน้อย แกเลยให้คำตอบไม่ได้ จึงแนะนำให้ไปถามกลุ่มคุณป้าที่กำลังพูดคุยกัน เป็นคนเก่าแก่ อ.ภูเขียว
อีเต้ยเดินหน้าสืบหาเบาะแส ตามหาแม่ให้พี่เอสอีเต้ยเดินไปยังกลุ่มคุณป้าที่กำลังเม้ามอยกันอยู่ เล่าถึงสาเหตุของการมาเยือน คุยไปคุยมา เอ้า! หนึ่งในกลุ่มคุณป้า มี “ป้าแดง” แกรู้จักแม่สุนิสา
เหมือนปาฏิหาริย์เริ่มเปิดทางให้กับอีเต้ยอีจันในครั้งนี้
“ครูแอ๊ว” ชื่อเล่นของแม่สุนิสา แกทำงานเป็นครูจริงๆ ด้วย แต่เกษียณแล้วแหละ
โชคร้ายป้าแดงไม่ได้ติดต่อกับแม่สุนิสานานแล้ว เลยแนะนำให้ไปหาครูสุภาพเพื่อนร่วมงานของแม่สา ที่ หมู่บ้านศิลาธรรม
“หมู่บ้านศิลาธรรม” เป้าหมายต่อไป
อีเต้ยอีจันขับรถวนหาบ้านครูสุภาพ จนสุดซอยก็ยังไม่เจอ! จึงลงเดินสอบถามคนแถวนั้นจนในที่สุดก็เจอบ้านครูสุภาพ เกือบไปแล้วเชียว
เรียกหาครูสุภาพหน้าบ้าน พบเพียงหลานชายเพราะครูออกไปข้างนอก จึงขอเบอร์ครูจากหลานมา ยกหูหาถามหาแม่สุนิสา ปรากฏว่าแกรู้จัก! ครูสุภาพรีบขับซาเล้งคู่ใจกลับมาหาอีเต้ยอีจันที่บ้านทันที
อีเต้ยอีจันยกมือไหว้พร้อมเล่าที่ไปที่มาของเรื่องราว ได้ความว่าแม่สุนิสาอยู่ในหมู่บ้านศิลาธรรมนี่แหละ
ครูสุภาพใจดี นำทางพาทีมงานไปหาแม่สุนิสาที่บ้าน ตะโกนเรียกหาครูแอ๊ว
ไม่นานก็มีผู้หญิงเดินออกมา รูปพรรณสัณฐานคล้ายกับเบาะแสที่มี อีเต้ยค่อยๆ เล่าถึงพี่เอส ผู้พลัดพรากแม่ 43 ปี
อีเต้ยอีจัน มุ่งหน้าหาบ้านแม่สุนิสา ตามครูสุภาพ จะได้พบเจอหรือไม่เมื่อเราเอ่ยว่า มีลูกมาตามหา แม่เอ่ยปากทันที “เอสเหรอ”
โอ้ แม่จำลูกชายได้!
เราพากันเข้าไปนั่งคุยในบ้าน แม่เปิดใจคุยกับอีเต้ยอีจัน ไม่เคยลืมลูกเลย…ถึงแม้แกจะจำว่ากลับไปหาลูกไม่ได้ แต่ก็จำเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องจากมาได้ดี
ตอนนี้แม่ก็อยู่คนเดียว “ชีวิตบั้นปลายของแม่จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วนะ” แม่ได้ฟังคำนี้จากอีเต้ยอีจันก็น้ำตาไหล หวังได้พบเจอลูก
ความคิดถึงของแม่มีมากพอที่จะเก็บกระเป๋าแล้วบินกลับกรุงเทพฯ พร้อมทีมงานเลยวันนี้ แม่พร้อมมาก!
อีเต้ยก็จัดให้หาที่พักให้หนึ่งคืน ให้แม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไปเจอลูกชาย
แน่นอนว่าต้องมีแผนเซอร์ไพรส์พี่เอส
อีเต้ยหลอกแกว่าทีมงานจะไปเก็บภาพตอนขับรถสองแถวเพิ่ม แต่ความจริงแล้วคือให้แม่ไปยืนดักรอพี่เอสในซอยบ้าน
อีเต้ยอีจันจอมวางแผน พาแม่เซอร์ไพรส์พี่เอสหลังพลัดพราก 43 ปีแต่! พอเอาเข้าจริง พี่เอสดันเข้าบ้านอีกซอย แม่ยืนรอเก้อเลย…อีเต้ยตัดสินใจให้พาแม่มาบุกถึงหน้าบ้านพี่เอสเลยละกัน
จังหวะที่พี่เอสจะเดินกลับไปขึ้นรถนั้น ก็เดินผ่านแม่ไปเลยเพราะจำไม่ได้
แม่ยืนงง รีบเดินไปเคาะกระจกเรียกพี่เอสก่อนจะขับรถออกไป
“ทำไมเอสจะทิ้งแม่ไปอีกแล้วล่ะ..?”
พี่เอสลดกระจกลงพร้อมถามว่า “แม่เหรอ?”
อีเต้ยเข้าใจว่าตอนที่แม่กลับมาหาพี่เอสวัยอนุบาล ยังเด็กอยู่เลยจำหน้าแม่ไม่ได้ พี่เอสเปิดประตูลงรถมา สวมกอดแม่แบบงงๆ เพราะทำไรไม่ถูก พี่เอสยื่นมือไปจับหน้าแม่ มองให้ชัดว่านี่คือแม่เขาจริงๆ ใช่ไหม?
ซีนพบเจอกัน หลังพี่เอสพลัดพรากแม่ 43 ปี ขอมองหน้าแม่ให้ชัดอีกสักครั้งแม่ร่ำไห้ไม่หยุดเพราะคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอลูกชายแล้ว ทั้งคู่กอดหอมกันจนหนำใจ แล้วเดินเข้าไปคุยเปิดใจกันในบ้าน
แม่เผยหากลูกชายไม่ยอมรับแม่ ก็ไม่เป็นไร
ขณะที่พี่เอส บอกแม่เต็มปากว่า ลูกคนนี้ยอมรับแม่อย่างสุดหัวใจ พร้อมก้มลงไปกราบขอขมา “ชาติหน้าฉันใดอย่าได้พลัดพรากกันอีกเลย
อีเต้ยพาพี่เอสและแม่สุนิสาไปทานข้าวร่วมกันเป็นมื้อแรกในชีวิต ถึงจะเป็นมื้อธรรมดาแต่ก็โคตรพิเศษ เพราะเป็นมื้อที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
อีเต้ยอีจัน พาพี่เอสและแม่สุนิสา ทานอาหารมื้อแรก เปิดใจคุยกัน!ครั้งแรกที่พี่เอสได้ทานข้าวกับแม่
ครั้งแรกที่พี่เอสได้นั่งข้างๆ แม่
ครั้งแรกที่พี่เอสได้ดูแลแม่แบบนี้
อีเต้ยรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่โคตรพิเศษจริงๆ คงไม่มีใครมีความสุขไปมากกว่าพี่เอสและแม่สุนิสาแล้วแหละ บทสนทนาบนโต๊ะอาหาร หากทุกคนได้ลองมาฟังมันธรรมดามากเลยนะ แต่กลับรู้สึกดี ไร้ความประหม่าซึ่งกันและกัน
อีเต้ยอีจันดีใจกับพี่เอสและแม่ด้วยนะครับ ปลดล็อคปมพลัดพรากแม่ 43 ปี วันนี้พี่เอสได้พบเจอแม่สุนิสาแล้วค่ะ ^^