อีเต้ยอีจัน ช่วยปลดล็อคปมในใจพ่อเมธี พลัดพรากลูกสาว 47 ปี

อีเต้ยอีจันสานฝันพ่อเมธีพลัดพรากลูกสาว 47 ปี ปลดล็อคปมในใจ ตอนนี้ได้พบเจอกันแล้ว!

47 ปีที่พลัดพราก อยากให้ลูกสาวรู้ไว้ว่าพ่อคนนี้ไม่ได้มีเจตนาจะทอดทิ้งเลย…

อีเต้ยอีจันคุยเปิดใจพ่อเมธีอายุ 71 ปี พลัดพรากลูกสาวตลอด 47 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยละทิ้งความพยายามที่จะตามหาลูกสักครั้ง แต่มันหมดหนทาง ไม่รู้จะไปต่อยังไงแล้ว จึงได้ขอให้อีเต้ยอีจันฝากช่วยตามหาที

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากพ่อเมธี สมัยยังเป็นวัยรุ่นได้ไปพบรักกับผู้หญิงคนหนึ่งและได้มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ชีวิตครอบครัวครั้งนี้กลับมีอุปสรรค เพราะพ่อเมธีทำงานกับการไฟฟ้าฝ่ายการผลิต ต้องมีการเปลี่ยนสถานที่ทำงานอยู่บ่อยๆ จึงไม่ค่อยได้ติดต่อกับภรรยาจนเกิดระยะห่าง…

ด้วยความอยากเห็นหน้าลูกสาวจึงได้แวะเวียนไปหาที่บ้านเมียอยู่บ่อยๆ จนลูกสาวอายุ 3 ขวบ หน้าที่การงานพ่อเมธีต้องกลับไปทำงานต่างถิ่นเป็นเวลานาน

2 ปีต่อมา พ่อเมธีกลับมาหาลูกสาวอีกครั้ง กลับไม่เจอแม้กระทั่งตัวบ้าน

บ้านเมียที่เคยมาตรงหน้า โดนไฟไหม้ ชาวบ้านอพยพแยกย้ายไปคนละทิศคนละทาง ไม่มีใครรู้ ใครย้ายไปที่ไหนบ้าง พ่อเมธีทั้งเคว้งทั้งเกิดคำถามในหัว ลูก – เมีย…ตอนนี้จะไปอยู่ที่ไหน?

ด้วยความเป็นห่วง พ่อเมธีเดินถามหากับผู้คนละแวกนั้น แต่ก็ไม่มีใครบอกได้เลย

ถ้าไม่มีใครรู้ แล้วจะไปหาคำตอบได้จากใครล่ะ

ถึงจะดูไม่มีหนทางตามหา แต่ยังดีที่แกมีเพื่อนทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการ จึงขอความช่วยเหลือไป เผื่อจะมีข้อมูลของลูกสาวว่าไปเรียนอยู่ที่โรงเรียนอะไร พ่อก็ดูเหมือนจะได้รับการช่วยเหลือเต็มที่นะ…แต่โชคร้ายเพื่อนต้องย้ายที่ทำงานกระทันหัน การตามหาข้อมูลลูกจึงชะงัก

หมดหนทางแล้วจริงๆ มันเดินหน้าต่อไม่ถูกเสียแล้ว

หลายสิบปีผ่านไปกระทั่งล่าสุด ปี 2565 ความตั้งใจตามหาลูกสาวก็ยังไม่เคยลดละ เพียงแค่หาหนทางไปต่อไม่ถูก แถมตอนนี้พ่อเมธีแกก็มีปัญหาสุขภาพตามอายุ ห่วงสุดท้ายก็ขอเพียงแค่ได้พบเจอหน้าลูก แค่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ก็ยังดี

“อยากกอดลูกสาวไหมครับ” อีเต้ยถาม

“แน่นอน ลูกในสายเลือดทั้งคน” พ่อเมธีตอบกลับทันที แบบไม่ต้องคิด

พ่อเมธีแบกความหวังสุดท้ายที่มี มาขอให้อีเต้ยอีจันช่วยตามหาลูกสาว

เบาะแสที่มี คือเหตุการณ์ไฟไหม้ชุมชนย่านวัดดอกไม้ ช่วงปี 2518 เป็นปีเดียวกับที่พ่อเมธีกลับมาหาลูกสาวนั่นแหละค่ะ ซึ่งก็ผ่านมาเกือบ 50 ปีได้แล้ว ผู้คนแถวนั้นจะยังจำกันได้อยู่ไหมนะ?

อีเต้ยอีจันกำข้อมูลที่ได้ พร้อมเดินหน้าทำภารกิจตามหาลูกสาวพ่อเมธี โจทย์แรก เราย่ำเท้าเดินถามชาวบ้านทีละคนที่ได้พบเจอละแวกวัดดอกไม้ เดินเข้าไปยิ้มทักทายกับชาวบ้าน ถามถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ก็พบว่าแต่ละคนให้คำตอบที่แตกต่างกันไปเพราะมีไฟไหม้หลายครั้งเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่เราหาคำตอบ

อีเต้ยอีจัน บังเอิญเจอกับผู้ช่วยผู้นำชุมชนพอดี จึงถามหาเบาะแสเพิ่มเติม พบว่าเหตุการณ์ไฟไหม้แถวนี้มีจริง แต่เกิดที่โรงงานซะส่วนใหญ่ ข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ตอบเราไม่ได้เท่าไหร่ จึงให้เบอร์ผู้นำชุมชนกับเรามาแทน เผื่อสอบถามแล้วได้เบาะแสเพิ่มเติม

เดินไปข้างหน้าอีกหน่อย ได้เจอกับแม่ค้าเก่าแก่ย่านวัดดอกไม้ เมื่อถามถึงเหตุการณ์ไฟไหม้แกจำได้เพียงแต่ไฟไหม้แค่เวิ้งๆ หากไหม้ทั้งชุมชนเลยคงจะไม่มี…อื้ม คำตอบเหมือนจะเข้าเค้า แต่ดูงงๆ ไม่มั่นใจเท่าไหร่

อีเต้ยอีจันยังไม่ยอมแพ้ ลองถามพี่วินมอเตอร์ไซค์อีกสักคนแล้วกัน พอได้เล่าเรื่องราวให้ฟังปรากฏว่าตอนนั้นเขายังเด็กอยู่เลย จำอะไรไม่ได้

เราจึงลองถามถึงอีกหนึ่งเบาะแส คือ เหตุไฟไหม้บริเวณสะพานสอง สะพานสาม ซอยอุดมสุข ซึ่งเป็นข้อมูลบ้านของลูกเมียที่พ่อเมธีให้เรามา สรุปได้ว่ามีไฟไหม้บริเวณนั้นทั้งชุมชน หายไปทั้งเวิ้งหนึ่งเลยอยู่ตรงถนนจันทน์ (อันนี้แหละเข้าเค้าที่สุด) แต่…ถ้าเราไปถึงปลายทางแล้วจะตามหาลูกสาวยังไงต่อ คนแถวนั้นจะรู้จักเธอเหรอ…? เกือบ 50 ปี บ้านเมืองคงเปลี่ยนไปเยอะแล้วล่ะ

อีเต้ยอีจันตัดสินใจโทรหาผู้นำชุมชน เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง สรุปได้ว่าผู้นำเพิ่งทำงานได้ไม่กี่ปี ข้อมูลเก่าแก่ไม่แม่นเท่าไหร่

ภารกิจนี้จึงต้องขอพึ่งข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ของพ่อ เพื่อหาที่อยู่ของลูกสาว หลังจากที่ได้ข้อมูลมาเบื้องต้นเราจึงรีบมุ่งหน้าไปตามที่อยู่นั้นทันที แน่นอนครับว่าข้อมูลที่เราได้มามีชื่อผู้หญิงคนหนึ่งในบ้านหลังดังกล่าว ดูเหมือนว่าจะเป็นชื่อของลูกสาวพ่อเมธีด้วย แต่ก็ยังไม่อยากฟันธง จึงต้องไปสอบถามให้แน่ใจเสียก่อน

เดินทางถึงบ้านหลังเป้าหมาย อีเต้ยมองเข้าไปก็มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่แถวๆ หน้าบ้าน จึงเอ่ยปากถามว่าที่นี่ใช่บ้านเลขที่ที่เราตามหากันอยู่หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าใช่ ขณะที่กำลังจะอธิบายที่มา สุนัขก็เห่าดังแข่งกับเสียงของอีเต้ย พยายามตะโกนถามหาถึงเรื่องราวการพลัดพรากพ่อกับลูกสาว เสียงที่ได้ยินตอบกว่ามากลับบอกว่าไม่มีเลย…

ไม่นานก็มีผู้หญิงอีกคนเดินออกมาพร้อมสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ อีเต้ยอีจันจึงรีบบอกชื่อลูกสาวและภรรยา

“มีค่ะ พ่อเขาทิ้งลูกสาวไปตอน 2-3 ขวบ” เสียงของผู้หญิงอีกคนตอบกลับมา

อีเต้ยอีจันถึงกับเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่! เพราะข้อมูลของอีกฝ่ายตรงกับเรา

พวกเธอเปิดประตูด้วยความยินดีให้อีเต้ยเข้าไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง คุยไปคุยมาสรุปได้ว่าผู้หญิงที่รู้เรื่องราวคือน้องสาวภรรยา เรียกได้ว่าเป็นน้าของลูกสาวพ่อเมธีนั่นเอง ส่วนผู้หญิงอีกคนเป็นสะใภ้ของเธอจึงไม่รู้เรื่องราว

พี่หน่อย น้าของลูกสาวพ่อเมธี เปิดใจกับเราด้วยแววตาเศร้า หลังจากที่พ่อเมธีได้ทิ้งหลานไป ตากับยายก็ช่วยเลี้ยงดูมาตลอด หลานสาวยังเคยได้คุยและร้องไห้กับเธอถึงการที่พลัดพรากจากพ่อ ไม่มีพ่อตั้งแต่ยังเด็กๆ ยังคงคิดถึงและโหยหาพ่ออยู่เสมอ

อีกทั้งบ้านที่ไฟไหม้ก็ไม่ใช่บ้านหลังที่พ่อเมธีเคยมาหาลูกสาว เพราะบ้านหลังที่น้าสาวอยู่นี่แหละ เป็นบ้านที่พ่อเมธีแกตามจีบพี่สาวเธอตั้งแต่แรกๆ จนลูกคลอด เรื่องมันก็นานมากแล้วอาจสับสนกันได้

อีเต้ยอีจันให้เวลากับน้าสาวไปบอกกล่าวถึงเรื่องราวที่เจอกับหลานฟังก่อน หากหลานพร้อมและสะดวกใจที่จะพบเจอพ่อจะรีบติดต่อกลับมา ซึ่งไม่นานเราก็ได้รับการติดต่อกลับปรากฏว่าเป็นข่าวดี เธอเองก็อยากพบเจอพ่อเช่นกัน พร้อมขอบคุณอีเต้ยที่เป็นสะพานเชื่อมให้พ่อลูกได้เจอกัน…พร้อมที่จะดูแลพ่อ

แต่ตัวเธอเองนั้นขอไม่ออกสื่อ อีเต้ยอีจันเข้าใจให้เกียรติความเป็นส่วนตัว และรอวันที่เธอกับพ่อเมธีจะได้พบเจอกัน

อีเต้ยกลับไปที่บ้านของพ่อเมธีพร้อมเอาข่าวดีไปฝาก พ่อเมธีมีท่าทีดูดีใจ เข้าใจที่ลูกสาวไม่อยากออกสื่อ พร้อมที่จะรอคอยวันที่ลูกสาวโทรกลับมาหาและได้พบหน้ากันสักครั้ง

หลังจากนั้นมาอีเต้ยทราบข่าวจากพ่อเมธีว่า ลูกสาวได้เดินทางมาหาแกและได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน

ปมในใจที่ล็อคมานานกว่า 47 ปี ตอนนี้ได้ถูกปลดล็อคลงแล้ว

ความพลัดพรากที่ไม่ได้เกิดจากเจตนา…ย่อมนำพาปาฏิหาริย์ให้บังเกิดกับภารกิจนี้

อีเต้ยอีจันขอแสดงความดีใจกับพ่อเมธีด้วยนะคะ ^^