ลูกสาวคนนี้…หอบความหวังนั่งรถไฟมาชุมพร เพื่อได้พบเจอพ่อ
อีเต้ยโทรบอกข่าวดีกับพี่หนูนา หลังเธอได้รู้ก็ดีใจ และรีบเก็บของ จองตั๋วรถไฟจากนครศรีธรรมราช-ชุมพร มาคืนนั้นกันเลย!
เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชาลาสถานีชุมพร พี่หนูนาเดินลงจากรถไฟ ทันทีที่ได้เห็นหน้าอีเต้ย เธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่คืนนี้ไปพักกันก่อน เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับวันพรุ่งนี้!
เช้าวันใหม่ ทีมงานอีเต้ยอีจันพร้อมพี่หนูนา เดินทางมุ่งหน้าไปบ้านพ่อตู่ ระหว่างทางพี่หนูนามีอาการประหม่าและตื่นเต้น ไม่แปลกเลยครับ เพราะอีเต้ยตื่นเต้นไม่แพ้กัน ><
ในที่สุดก็มาถึงบ้านพ่อตู่ อีเต้ยปลีกตัวไปเตี๊ยมกับพ่อก่อนว่าให้เดินลงมาจากบันไดหลังได้ยินเสียงลูกเรียก
อีเต้ยเดินกลับไปพาพี่หนูนามาที่บ้านพ่อตู่ เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าบ้านก็เอ่ยเรียก “พ่อ” ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
พ่อตู่ค่อยๆ เดินลงบันไดมาตรงมาสวมกอดลูกสาวที่ยืนรออยู่ด้านล่าง น้ำตาพี่หนูนาก็ไหลพราก ความโหยหาพ่อมันมีมากล้นจริงๆ ครับ
พ่อพาพี่หนูนาไปนั่งที่บันได มุมที่เขามักจะนั่งคิดถึงลูกสาวคนนี้เป็นประจำ แต่วันนี้เขาไม่ต้องนั่งคนเดียวอีกต่อไป เพราะพี่หนูนาอยู่ข้างๆ พ่อตู่ตรงนี้แล้วครับ
ทั้งคู่นั่งกอดกันอยู่สักพัก พ่อก็พามาเจอครอบครัวใหม่ของเขา ทุกคนต้อนรับพี่หนูนาเป็นอย่างดี น้องๆ ยังแอบน้ำตาซึมเลยครับ
จู่ๆ พ่อก็เดินไปหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งมา สภาพค่อนข้างเก่า เปิดให้พี่หนูนาได้อ่านดูทั้งน้ำตา บทกลอนถูกเขียนด้วยตัวบรรจง…ความรู้สึกพ่อที่มีต่อลูก
“สงสารลูกตาดำดำกำพร้าพ่อ น้ำตาคลอเกาะลูกกรงแสนสงสาร
ลูกร้องเรียกพ่อจ๋าอย่าอยู่นาน รีบกลับบ้านของเราลูกเหงาจัง
โอ้ลูกเอยลูกจ๋าน่าสมเพช เพราะกิเลสกรรมก่อพ่อถูกขัง
ลูกจ๋าลูกเจ้าไม่รู้หรอกกระมัง ว่าพ่อยังกลับไม่ได้อีกหลายปี…”
อีเต้ยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของพ่อตู่จริงๆ เขาบอกว่าเขียนไว้สมัยติดคุก ไดอารี่เล่มนี้ถูกเก็บอย่างดีตลอด 35 ปี
พ่อตู่ก็คิดถึงลูกมากไม่ต่างจากพี่หนูนาที่คิดถึงพ่อเลย ต่างคนต่างรอคอยวันที่ได้พบกัน วันนี้ทั้งคู่ได้กอดกันอย่างที่ใจหวังแล้ว อีเต้ยดีใจด้วยนะครับ ^^