สัตว์แพทย์โพสต์เตือน ทาสแมว อย่าป้อนยาพาราให้น้อง เสี่ยงอันตรายถึงตาย

ถือเป็นเรื่องที่ทาสแมว หรือคนที่เลี้ยงสัตว์หลายอาจจะยังไม่รู้ว่าถ้าหากสัตว์เลี้ยงของเราป่วยหรือไม่สบายอย่าใช้ยารักษาชนิดเดียวกับคนอย่าง เช่น ยาพาราเซตามอล เพราะอาจทำให้ต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราได้ 

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลสัตว์บ้านกลาง-Banklang Animal Hospital ได้โพสต์ข้อความเตือนทาสแมว รวมถึงคนรักสัตว์ อย่าให้ยาพารากับแมว เพราะอาจเสี่ยงอันตรายถึงแก่ชีวิต 

อย่าให้ยา พารา กับ แมว หมอขอรบกวนท่านที่เห็นโพสนี้ทุกท่าน แชร์ไปให้ เจ้าของแมว ทุกท่านทราบครับ!!! น้องสลอธ มาหาหมอด้วยอาการชักเกร็ง ไม่มีสติ หลังซักประวัติพบว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าของรู้สึกว่าน้องตัวร้อน  

ด้วยความไม่รู้เจ้าของจึงได้ “ป้อนยาพาราเซตามอล(500มิลิกรัม) ให้กิน 1 เม็ด” หลังจากนั้นน้องเริ่มมีอาการดวงตาเบิกโพรง น้ำลายไหลยืด และเริ่มมีอาการตัวกระตุก จึงรีบพามาหาหมอ 

ตอนนี้หมอได้ให้ยาต้านพิษยาพาราเซตามอล และให้ยาดักจับสารพิษกับน้องทั้งหมดแล้วนะครับ ตอนนี้น้องยังคงต้องรอดูอาการ ดูการตอบสนองต่อยา  อย่างใกล้ชิด ในความดูแลขอหมอนะครับ 

ขอให้ทุกๆคนช่วยเป็นกำลังใจและช่วยส่งแรงใจ ให้น้องสลอธด้วยนะครับ หมอขอบพระคุณมากครับ 

ปล.เจ้าของน้องแมว มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ตอนแรกจะให้หมอดูอาการให้เฉยๆโดยให้หมอทำการรักษาแค่เบื้องต้นและจะพาน้องกลับ แต่หมอเห็นอาการน้องแล้ว ไม่สามารถปล่อยน้องกลับไปได้จริงๆครับ หมอเลยขอช่วยเจ้าของเคสนี้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ 

ปล 2 ขอขอบพระคุณทุกความเมตตา ที่ทักมาหาหมอทั้งหน้าเพจและหลังไมค์ ที่ต้องการช่วยเหลือดูแลค่ารักษาน้อง หมอขอแจ้ง ณ ที่นี้นะครับ เคสน้องสลอธ หมอช่วยดูแลน้องเองครับ และไม่ได้เปิดรับบริจาคแต่อย่างใดนะครับ ระวังมิจฉาชีพด้วยนะครับ 

ปล 3 ทุกท่านที่เข้าเห็นโพสนี้ อย่าว่าเจ้าของน้องสลอธ เลยครับ ด้วยใจจริงเจ้าของน้องก็เป็นห่วงน้อง แต่ด้วยความไม่รู้ จึงทำให้ทำพลาดด้วยการป้อนยาพาราให้น้อง 

และหมอเชื่อเหลือเกินว่า ยังมีคนเลี้ยงน้องแมวอีกหลายคนที่ไม่รู้ ว่าแมว ไม่สามารถ ให้ยาพาราได้ เรามาช่วยกันแก้ไข และช่วยรณรงค์ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกดีกว่าครับ ขอบพระคุณครับ 

สำหรับ ยาพาราเซตามอล นั้นถือว่าเป็นอันตรายต่อ แมว ที่ร่างกายจะมีความไวต่อการเป็นพิษได้ไวกว่าสุนัข หากได้รับยาในขนาด 45-55 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ก็เพียงพอที่จะเกิดการเป็นพิษได้  

ซึ่งในร่างกายของแมวนั้นไม่มีเอนไซม์ที่ใช้เปลี่ยนแปลงยาพาราฯ จึงเกิดการเป็นพิษขึ้นและส่งผลต่อการทำงานของไต ตับ ระบบทางเดินอาหาร และระบบเลือด เม็ดเลือดแดงจะไวต่อการถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถขนส่งออกซิเจนได้ อาจทำให้แมวเสียชีวิต ส่วนการแสดงความเป็นพิษนั้นใน 1-2 ชั่วโมงแรกจะมีอาการ ได้แก่ น้ำลายฟูมปาก อาเจียน ซึม หายใจลำบาก เหงือกมีสีคล้ำ อุ้งมือบวม อุ้งเท้าบวม หน้าบวม และเบื่ออาหาร จากนั้นตับอาจเสียหาย มีอาการดีซ่าน ชัก โคม่า และเสียชีวิตได้ภายใน 18-36 ชั่วโมง 

อย่างไรก็ตามผู้ที่เลี้ยงแมว หรือเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดควรศึกษาและแยกการใช้ยาระหว่างคนกับสัตว์ให้ถูกต้อง หากสัตว์เลี้ยงป่วยหรือไม่สบายควรพาไปพบสัตว์แพทย์เพื่อตรวจรักษา หรือสอบถามการใช้ยาให้ถูกต้องจะได้ไม่เกิดอันตรายที่ถึงขั้นเสียชีวิต