
นักวิชาการชี้ บุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้ทำคนเลิกสูบบุหรี่น้อยลง
วันนี้(14 ธ.ค. 65) ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้า สามารถทำให้เลิกบุหรี่ได้ และเป็นตัวที่ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลงในปี 2564 นั้น ถ้าดูตามสถิติของปี 2534-2564 การสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงต่อเนื่อง ก่อนจะมีการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาขายในไทย ปี 2550 จึงมีการป้องกัน และออกกฎหมาย ห้ามนำเข้าและจำหน่ายในปี 2557 จึงคาดว่า บุหรี่ไฟฟ้าน่าจะทำให้จำนวนคนสูบบุหรี่ชะลอตัวลงกว่าเดิม
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ ยังเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาอัตราการสุบบุหรี่ของคนทั่วโลกลดลง ก่อนที่จะมีการขายบุหรี่ไฟฟ้าในปี 2557 ทำให้อุตสาหกรรมยาสูบข้ามชาติ ต้องหาตัวบุหรี่ไฟฟ้ามาขายเพื่อชักจูงให้คนที่เลิกบุหรี่ และเยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่ หันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า จึงเป็นเหตุผลว่าไทยไม่ควรยกเลิกกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพราะต้องแลกกับอนาคตของเยาวชน ที่อาจจะเข้ามาเป็นนักสูบหน้าใหม่
“มาตรการที่ดีที่สุดของไทยคือ ห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเยาวชนไทยอย่างแท้จริง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด และไทยควรเร่งเข้าร่วมพิธีสารเพื่อกำจัดการค้าที่ผิดกฎหมายในผลิตภัณฑ์ยาสูบ (Protocol to Eliminate Illicit Trade in Tobacco Products) ในกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ซึ่งการเข้าร่วมพิธีสารฯ จะเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศในการติดตามและตรวจสอบ (Track and Trace) ตั้งแต่ต้นทางการผลิต การกระจายสินค้า จนไปถึงร้านค้าปลีก โดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการบังคับใช้กฎหมายและได้รับความร่วมมือระหว่างประเทศในการกำจัดต้นเหตุของการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมายจากอุตสาหกรรมยาสูบข้ามชาติ” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เผย
นอกจากนั้น 80 เปอร์เซ็นของคนที่ต้องการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ จะหันมาติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน และผลวิจัยต่างๆ ยังชี้ชัดว่า นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อปอด หัวใจ และหลอดเลือด โดยเฉพาะจะทำลายสมอง ตั้งแต่เป็นทารกในครรภ์จนถึงอายุ 25 ปี
เพราะอย่างนั้นการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถทำให้เลิกบุหรี่ได้