จุรินทร์ หนุน OTOP ส่งออกเพื่อนบ้าน คาดรายได้ 500 ล้านใน 4 วัน

จุรินทร์ หนุน OTOP ส่งออกเพื่อนบ้าน พร้อมผลักดันการค้าข้ามแดน 5 ประเทศอาเซียน หวังสร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาทเข้าประเทศ

เมื่อวานนี้(7 ก.พ. 63) เวลา 16.30 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ได้ปรึกษาหารือกับท่านรัฐมนตรีพาณิชย์กัมพูชา ในเรื่องสำคัญ 3 เรื่องเกี่ยวกับ 1.คณะกรรมการ JGC ไทยกัมพูชา 2.คณะกรรมการร่วมการค้าชายแดนไทยกัมพูชา 3.คณะกรรมการร่วมในเรื่องของการเจรจาพืชผลการเกษตรข้ามแดน โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ จะเร่งจัดให้มีการประชุมหารือกันทั้งสองฝ่ายโดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน เพราะที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างไทยกัมพูชาเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปีที่แล้วคือปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 เพิ่มขึ้นถึง 12% ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก ซึ่งดุลการค้าเราเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอดในปริมาณที่มากพอสมควร

ภาพจากอีจัน
เรื่องที่ 2 ปีนี้กัมพูชาได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม CLMVT Forum ซึ่งเป็นการประชุมร่วม 5 ประเทศคือ ไทย ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งโดยปกติไทยจะเป็นเจ้าภาพมาหลายปีต่อเนื่อง แต่ปีนี้กัมพูชาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยกัมพูชาขอให้เราสนับสนุนองค์ความรู้ในเรื่องของการบริหารการประชุม ซึ่งเราก็ยินดีที่จะเข้าไปให้ความร่วมมือและสนับสนุน
ภาพจากอีจัน
เรื่องที่ 3 การผลักดันแก้ปัญหาการค้าชายแดน ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและเป็นประโยชน์ในเรื่องส่งออก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการต่างๆ ร่วมกับภาคเอกชนทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาผู้ส่งออกสินค้า สมาคมธนาคารไทย และหอการค้าในภูมิภาคเพื่อแก้ปัญหาการค้าชายแดนรอบประเทศไทยในจุดต่างๆ เริ่มต้นมาแล้วที่ไทยกับมาเลเซีย คือด่านสะเดาจังหวัดสงขลา และได้ประชุมที่แม่สอดมาแล้วเรื่องการค้าไทยเมียนมา และที่มุกดาหารระหว่างไทยกับลาว จากนี้ถัดไปจะประชุมกับไทยและกัมพูชาที่จังหวัดสระแก้ว
ภาพจากอีจัน
นอกจากนั้น นายจุรินทร์ กล่าวถึงงาน Top Thai Brands 2020 ว่า เป็นงานสำคัญงานหนึ่งที่ไทยเรานำสินค้าที่มีศักยภาพไปแสดงในประเทศต่างๆ ซึ่งปีหนึ่งเราจัด 12 ครั้ง รอบเพื่อนบ้านเราแล้วและไปในประเทศสำคัญ ในกลุ่มเอเชียใต้ด้วย และที่พิเศษในปีนี้เรามุ่งเน้นเปิดโอกาสให้ SME ได้มีโอกาสมาร่วมงานมากขึ้นโดยเฉพาะโอทอปที่มีศักยภาพตามแนวชายแดน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายยกเว้นค่าเดินทางหรือเป็นนโยบายใหม่ที่จะให้ดำเนินการต่อไป เพื่อเปิดโอกาสให้ SME โอทอป ที่ผ่านมามีหลยรายได้มีการลงนาม MOU ด้วยกัน MOU ประเมินว่ายอดขายจากการที่มาเปิด Top Thai Brand 2020 เวลา 4 วันรวมกัน น่าจะนำรายได้เข้าประเทศประมาณ 500 กว่าล้านบาท
ภาพจากอีจัน
นายจุรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายถึงวิกฤตไวรัสโคโรนา ว่า ที่นี่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องไวรัสโคโรนา ทำให้เราเดินทางมาสะดวก ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า พร้อมที่จะเจอกัน เจรจาขายได้หลายราย ทั้งรายใหม่ที่มาขายได้แล้ว มีผู้นำเข้าจากกัมพูชาพร้อมที่จะซื้อแล้ว เช่น เครื่องสำอาง สบู่สมุนไพร เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างจพยังคงดำนเนิไปตามเดิม เว้นแต่ประสบปัญหาจริงๆจากไวรัสอู่ฮั่น เราอาจจะมีการปรับปรุงรูปแบบการค้าสมัยใหม่ เช่น เน้นออนไลน์มากขึ้น เน้นระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น หรือเน้นจัดงานแล้วเชิญเอกชนต่างชาติเข้ามา ซึ่งจะมีการปรับกลยุทธ์ต่อไป