
จากเหตุการณ์ ปิดล้อม จับกุม สารวัตรกานต์ หลังก่อเหตุ กราดยิงขึ้นฟ้า ซึ่งการปิดล้อมเกิดขึ้นร่วม 27 ชั่วโมง
ก่อนจับกุมตัว สารวัตรกานต์ได้ ซึ่งอยู่ในสภาพบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนเขาจะเสียชีวิต ในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น ครอบครัวของสารวัตรกานต์ รู้สึกติดใจในการเข้าจับกุม และ การเสียชีวิต
20 ก.พ. 66 จึงส่ง นายอนุชิต ธาตุเสียว ทนายความของครอบครัว ไปที่ สน.สายไหม เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตและการเข้าระงับเหตุของเจ้าหน้าที่
โดยยื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการ สน.สายไหม
นายอนุชิต เปิดเผยว่า พ่อและแม่ของสารวัตร มอบหมายให้มายื่นหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ ที่ทางครอบครัวยังติดใจสงสัย เกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต โดยจากสิ่งที่ครอบครัวได้เห็น
โดยเฉพาะร่องรอยในที่เกิดเหตุ ทำให้ครอบครัวสงสัยว่าการเข้าควบคุมตัวสารวัตร น่าจะเป็นการทำเกินกว่าเหตุจนทำให้สารวัตรถึงแก่ความตาย
ครอบครัวได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า
มีร่องรอยของการถูกยิงในบริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่สารวัตรได้ตกลงมาจากชั้น 2 แล้ว
โดยบริเวณกำแพงและประตูด้านหลังบ้านที่ชั้น 1 มีร่องรอยกระสุนทะลุออกไป และมีร่องรอยกระสุนบริเวณหลังบ้านด้วย จึงสงสัยว่าเจ้าหน้าที่มีการยิงซ้ำ ก่อนจะเข้าไปควบคุมตัวหรือไม่
ครอบครัวจึงอยากให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ละเอียด
นอกจากนี้ ในบ้านที่เกิดเหตุ ก็มีร่องรอยของวิถีกระสุนจำนวนมาก จึงสงสัยว่าลักษณะเป็นเหมือนการถูกไล่ล่ามากกว่าเป็นการยิงแค่เพื่อเข้าควบคุมตัวได้
นายอนุชิต ทนายความ ยังเปิดเผยถึงวันเกิดเหตุอีกว่า
ในระหว่างที่ตำรวจปฏิบัติการ และได้ประสานไปหาญาตินั้น พี่ชายของสารวัตร ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอเวลาให้เขาเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก่อน เพื่อร่วมปฏิบัติการได้หรือไม่
โดยขอยังไม่ให้สั่งการบุกเข้าไปควบคุมตัว ซึ่งพี่ชายอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ อาจต้องใช้เวลาเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รอ
ซึ่งครอบครัวเชื่อว่า หากพี่น้องได้มาพูดคุย จะสามารถทำให้อารมณ์เย็นลงได้ แม้ว่าจะได้วิดีโอคอลกับแม่แล้ว แต่ก็ไม่เหมือนการได้เจอกันต่อหน้า เพราะอยู่ในภาวะที่กำลังคลุ้มคลั่ง
ตามหนังสือขอความเป็นธรรม ทางครอบครัวต้องการให้มีพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เพราะการเข้าปฏิบัติการ กระทำโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงต้องการให้มีหน่วยงานกลางเข้ามาร่วมสอบสวน รวมถึงพิสูจน์หลักฐาน
ส่วนที่กำหนดระยะเวลาภายใน 3 วัน เพราะกลัวว่าหากผ่านระยะเวลาไป หลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ จะไม่สามารถพิสูจน์ได้แล้ว ส่วนเรื่องการเยียวยา ตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้
ซึ่งหลังจาก ทางทนายเข้าพูดคุยกับตำรวจ และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม
ทางทนาย ได้อัปเดตว่า จากที่ได้พูดคุยกับตำรวจ ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงอยู่ด้วย ทางตำรวจก็ยืนยันว่าจะมีการสอบสวนพยานเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และจะให้ความเป็นธรรมกับญาติผู้เสียชีวิต
แต่กรอบระยะเวลาภายใน 3 วันที่ทางครอบครัวขอนั้น อาจจะทำได้ไม่ทัน เพราะเนื่องจากเป็นคดีสำคัญจึงต้องใช้ระยะเวลา
ซึ่งหลังจากนี้ ทนายจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พลตำรวจตรีสมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยเปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน กำลังเดินทางไปพบกับพนักงานอัยการ เพื่อพูดคุยประสานหารือในการเชิญพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวน เนื่องจากสำนวนคดีนี้เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาร่วมทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อสรุปอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวระบุระยะเวลาว่าขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วันนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคดีนี้มีรายละเอียดมาก จึงต้องใช้ระยะเวลา โดยจะต้องมีการเรียกสอบปากคำโดยละเอียด และระบุไทม์ไลน์เหตุการณ์ รวมถึงตำแหน่งในการเข้าปฎิบัติการให้ชัดเจน จึงขอเวลาในการทำสำนวนก่อน ซึ่งเบื้องต้นได้พบและพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับทนายความของครอบครัว ทางทนายความก็เข้าใจในขั้นตอนการทำงานของตำรวจ โดยตนเองขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับญาติของผู้เสียชีวิต และจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ข้อเท็จจริง / ข้อสงสัยต่างๆ กระจ่างต่อสังคม