จากกรณีศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 และประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ศ.2563 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกประกาศนั้น
ซึ่งต่อมา วานนี้ (6 ต.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง ผบช.น.ภาค 1-9 ก.และ สยศ.ตร. ระบุว่า การปฏิบัติงานจราจรในการออกใบสั่ง การใช้เกณฑ์จำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบและการใช้งานระบบ PTM ให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามเดิมจนกว่าจะมีกฎ ระเบียบ คำสั่ง กำหนดเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ล่าสุด วันนี้ 7 ต.ค. 66 ทีมได้อีจันได้สอบถามไปทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว รอง ผบ.ตร. ระบุว่า จากการดู พ.ร.บ.จราจร ที่เป็นกระเด็นอยู่ขณะนี้ ตนมองว่าเป็นเหมือนกฎหมายปิดปาก ซึ่งเดิมทีการออกใบสั่งนั้นจะให้อำนาจพนักงานสอบสวนสามารถปรับได้ตามกำหนด เช่น หากถูกปรับไม่สวมหมวก 400 บาท พนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่มีความตั้งใจ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นปรับ 100-200 หรือ จะเป็นการว่ากล่าวตักเตือนก็ได้
แต่ พ.ร.บ.จราจรใหม่ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ มันเหมือนกับมัดมือชก อย่างเช่น โดนปรับความเร็วแล้วมีจดหมายส่งไปถึงบ้านคิดค่าปรับ 500 บาท โดยสามารถชำระค่าปรับผ่านร้านสะดวกซื้อได้ ซึ่งคนที่ขับตอนนั้นอาจจะไม่ใช่เจ้าของรถก็ได้ มันก็เหมือนกับว่าเป็นการบังคับให้จ่าย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้จะต้องนำมาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะมีการพิจารณาร่วมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เพื่อชะลอการใช้ พ.ร.บ. ดังกล่าวออกไปก่อน โดยระหว่างนี้จะให้กลับไปใช้แบบเดิม เช่น หากโดนปรับ 400 บาท ก็เอาใบสั่งไปเปรียบเทียบปรับที่โรงพัก ซึ่งพนักงานสอบสวนอาจจะปรับไม่ถึง 400 บาท หรืออาจจะไม่ปรับเลย อยู่ที่ดุลพินิจ
"การออกใบสั่งหรือการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจร ต้องไม่ใช่เป็นการจับเพื่อเอาเงินรางวัล แต่ต้องเป็นการจับเพื่อทำให้วินัยการจราจรนั้นดีขึ้น"
