
ฟังอีกฝั่ง!!!
เหมือนหนังคนละม้วน
จากดราม่าที่ชาวบ้านแตกตื่นกลางดึกมีพระสงค์ เณร อุ้มบาตรเดินขบวนนับ 10 รูป บนถนนพื้นที่ ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม อ้างถูกเจ้าอาวาสไล่ออกจากวัดและเมื่อช่วง 13.00 น.ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร
ทางฝั่งพระไพศาล เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์แสงธรรมคีรี เล่าว่าเมื่อวานนี้ได้มีการประชุม ที่วัดหนองวัดว่านเหลือง เรื่องที่พระนพดล 1 ใน 3 พระที่ออกจากวัดไป หลังมีการร้องเรียนเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสม และที่มาของพระนพดลที่มาไม่ถูกต้อง เพราะว่าเคยมีประวัติฉาวจนถึงขึ้นลาสิกขาเมื่อกลับมาอุปสมบทใหม่ ทำไมยังได้ฉายาเดิม เมื่อใช้ฉายาเดิมสมณะศักดิ์ต่างๆ ยังคงอยู่ใช้หรือไม่ ซึ่งผิดไปจากที่ควรเป็น ถือเป็นการแอบอ้าง และตั้งแต่พระรูปนี้รับกฐินเมื่อปี 2565 ก็หายตัวไปจากวัด ไม่เคยอยู่ดูแลวัดเลย ทำให้พระเณรต้องช่วยเหลือกันเองในสภาวะการขาดผู้นำจนถึงเมื่อ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และท่านบอกว่าจะกลับมาดูแลวัด ภิกษุและสามเณรจึงไม่สามารถยอมรับได้
ซึ่งทาง ร.ต.อ.ศักดา ทิพพิชัย รอง สวป.สภ.เขาหินซ้อน ได้เผยว่าเมื่อวานนี้ได้เข้ามาดูแลความเรียบร้อยภายในวัด ไม่ได้มีการไล่พระหรือเณรออกจากวัดเลย เพราะไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนทางพระไพศาล เผยว่า พระทั้ง 3 รูป และเณร 5 รูป ไม่ใช่พระ -เณรที่บวชที่นี่ แต่ต้นสังกัดอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี จึงอยากเชิญให้กับไปที่ปราจีนบุรี เพราะพระลูกวัดมีข้อขัดแย้งกับทางเจ้าอาวาส ไม่เคารพยำเกรง ซึ่งทางฝ่ายปกครองเคยมีการเข้าตรวจสอบพระเณรบางรูปที่อยู่ในกลุ่มนี้ ก็พบว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนี้พระเณรกลุ่มนี้ มักจะขับรถกระบะ หรือรถบรรทุกหกล้อออกไปบิณฑบาตที่สัตหีบบ้าง สมุทรปราการบ้าง ปราจีนบุรีบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะไปไกลๆ และออกจากวัดตั้งแต่ตี 3 – ตี 4 ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเวลาที่ได้ของทำบุญมา ไม่ว่าจะเป็นของกิน หรือเงิน ก็จะนำมาแบ่งกันไม่ได้นำกลับมาเข้าวัด ส่วนของบางอย่างก็มีการนำไปขายเพื่อแลกเป็นเงิน และที่จริงแล้ว วันนี้จะมีการประชุมพูดคุยกับพระและเณรทั้ง 8 รูป พร้อมพระผู้ใหญ่ เพื่อหาข้อสรุปวันนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ถึงออกเดินทางไปเมื่อคืนนี้ และก็สงสัยว่าทำไมถึงไปเดินบริเวณตลาดเขาหินซ้อน จนกลายเป็นกระแสกลางดึก ทั้งๆที่มีพระกลุ่มนี้ก็มีรถกระบะถึง 2 คัน
ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดไม่ว่าเรื่องเงินกฐินหรือเรื่องที่ไม่ได้อยู่วัดก็มีเอกสารชี้แจงทั้งหมด โดยเงินกฐินมีบัญชีรายรับรายจ่ายที่ชัดเจน แต่มีบางรายการที่มีการนำไปให้ผู้อื่นหยิบยืมไปใช้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการนำเงินไปดูแลสำนักสงฆ์ ส่วนเรื่องข้อร้องเรียนที่ว่ามีการใช้ฉายาเดิม หลังจากที่ได้ลาสิกขาไปแล้ว พอกลับมาบวชใหม่ ก็ยังใช้ฉายาเดิมนั้น
ทางพระผู้ใหญ่เห็นว่าสามารถกระทำได้ โดยไม่ผิด ในขณะเดียวกันด้านทางฝั่งของพระเณรที่มีพฤติกรรมออกเดินทางไปรับบิณฑบาตตั้งแต่ตี 3 ตี 4 ในต่างจังหวัด และยังเป็นช่วงเข้าพรรษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดไม่สมควรกระทำ โดยได้เสนอให้ทางเจ้าสำนักสงฆ์ ตั้งกฎกติกาและกรอบในการปฏิบัติ เพื่อให้พระเณรที่มิใช่พระลูกวัดจากสำนักสงฆ์ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ชัดเจน รวมถึงการให้ความเคารพยำเกรงเจ้าสำนักสงฆ์ในฐานะเขจ้าของสถานที่ที่ดูแลสำนักสงฆ์แห่งนี้ แต่ถ้าหากมีการกระทำความผิด จึงค้อยมีบทลงโทษทางวินัย หรือให้ออกจากสำนักสงฆ์ แต่ก็ต้องผ่านช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องพระเณรที่อยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจับกุมในความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด และได้ศึกไปแล้วนั้น ได้กลับมาบวชอีกครั้งเมื่อใด และบวชที่ไหน ทางคณะสงฆ์จะได้ทำการตรวจสอบอีกครั้ง ว่าเป็นการกลับมาบวชอย่างถูกต้องหรือไม่