น้ำตาร่วง ด.ญ.วัย 12 ขอลาออกจาก รร. ไปดูแลแม่พิการ เผย “อยากเป็นหมอจะได้รักษาแม่และคนอื่นๆ ”

เล่าทั้งน้ำตา น้องเตย ด.ญ.วัย 12 ปี ฐานะยากจน จำใจขอลาออกจาก รร. เหตุผล “ไปดูแลแม่พิการ” ลั่น อยากเป็นหมอจะได้รักษาแม่และคนอื่นๆ

วันนี้ (18 ก.ค. 63) จันนำเรื่องราวของ ด.ญ. ยอดกตัญญู นักเรียนชั้น ป.6 “ขอลาออกจากโรงเรียน” ด้วยเหตุผล “ไปทำงาน หาเงินเลี้ยงดูแม่ที่พิการตาบอด” โดย ด.ญ.คนนี้เข้ามีชื่อว่า “น้องเตย” ด.ญ.สุดารัตน์ สมหวัง อายุ 12 ปี 

เรื่องราวของน้องเตย ถูกถ่ายทอดโดย นายธาดา ธิกุลวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งมะกอก ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็น ผอ.รร.ที่น้องเตยเรียนอยู่ เล่าให้ทีมข่าวอีจันฟังว่า น้องเตย เป็นนักเรียนที่เรียนดี แต่มีฐานะยากจน และยังมีภาระต้องแลแม่ที่พิการตาบอด โดยวันที่ 13 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา น้องเตย ได้มา “ขอลาออกจากโรงเรียน” ผอ.จึงได้ถามน้องเตย ว่าทำไมถึงมาขอลาออก ทั้งที่ผลการเรียนก็ดี โดยน้องเตย ให้เหตุผลว่า “จะไปหางานทำ เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และรักษาแม่” เนื่องจากฐานนะทางบ้านยากจน ประกอบกับพ่อได้แยกทางกับแม่ และแม่ก็ยังพิการตาบอด
ผอ.จึงนำเรื่องราวของน้องเตย ไปลงโซเชียล จนมีผู้ใจบุญจากเพื่อนๆ มาช่วยกันบริจาคเงินมารวม 25,000 บาท เพื่อต้องการช่วยเหลือเด็กให้ได้เรียนจบชั้น ป.6 ไปก่อน จากนั้นค่อยหาทางช่วยเหลือต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้ปิดรับบริจาคแล้ว เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาหากได้รับเงินบริจาคมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากน้องเตยได้รับเงินบริจาคมา น้องเตย ก็ยอมเรียนต่อ และทางโรงเรียนได้ให้อนุญาตพาแม่มาโรงเรียนด้วยได้ เนื่องจากน้องเตยเป็นห่วงแม่มาก ที่ต้องอยู่บ้านตามลำพัง อีกทั้งหากมาที่โรงเรียนแม่น้องจะได้กินข้าว ที่โรงอาหารของโรงเรียนเตรียมไว้ด้วย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้คุณครูใน รร. ได้พาทีมข่าวอีจันเดินทางไปที่บ้านของน้องเตย ซึ่งต้องผ่านถนนลูกรัง ประมาณ 5 กิโลเมตร ทางเข้าบ้านเป็นหุบเขา ระยะทางเกือบ 1 กม. และเป็นทางเปลี่ยวไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ถ้าช่วงหน้าฝนถนนก็จะเละ กลับเข้าบ้านลำบาก
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

โดยสภาพบ้านน้องเตย เป็นบ้านกระต๊อบ หลังคาสังกะสีเก่าๆ มีรูรั่วจำนวนมาก พื้นและฝาบ้านทำจากไม้ไผ่
ด้านนางวรรณา สมหวัง อายุ 42 ปี แม่ของน้องเตย เล่าให้ฟังด้วยน้ำตาว่า มีลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 19 ปี มีครอบครัวแยกออกไปทำงานแล้ว ส่วนสามีก็หนีไปหลังจากที่ตนป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง เข้ารับการผ่าตัด จากนั้นตาข้างขวาก็มองไม่เห็น ส่วนตาซ้ายก็เห็นแบบลางๆ ในตอนกลางวันที่มีแสงแดด แต่พอกลางคืนก็จะมองไม่เห็น ตอนนี้อยู่บ้านกับน้องเตยเพียง 2 คน ครอบครัวมีความเป็นอยู่ลำบากมาก สงสารลูกไปโรงเรียนก็สงสาร เพราะไม่มีเงินให้ลูกไปกิน บางครั้งคิดอยากตาย แต่ก็คิดถึงลูก ถ้าแม่ตายแล้วลูกจะอยู่กับใคร บางวันลูกไม่ได้ไปเรียนหนังสือ ต้องไปรับจ้างได้ค่าแรงวันละ 200 บาท เมื่อได้เงินมาตนให้เงินไปโรงเรียนวันละ 20 บาท แต่ลูกก็เหลือเงินกลับบ้านเท่าเดิม ลูกบอกว่าหนูหิว แต่ก็ยอมอดเพื่อเก็บเงินไว้พาแม่ไปหาหมอ แต่ก็โชคดีที่ทาง ผอ.โรงเรียน และครู ท่านใจดี ห่ออาหารให้ลูกนำกลับมาทานที่บ้าน
ส่วนลูกสาวคนโตก็ช่วยเหลือบ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้อยากวิงวอนท่านผู้ใจบุญช่วยบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนสูงๆ ถ้าเหลือก็จะนำไปรักษาตัวเองให้หาย จะได้ทำงานหาเลี้ยงลูก จะได้ไม่เป็นภาระของลูก

ภาพจากอีจัน

ด้านน้องเตย เล่าว่า ทุกวันนี้หนูจะตื่นประมาณตีห้าครึ่ง เพื่อหุงข้าวล้างจาน ทำงานบ้านจัดตารางการเรียน ก่อนหาข้าวให้แม่กิน แล้วเตรียมตัวไปเรียน พาแม่ไปโรงเรียนด้วยเพราะไม่กล้าปล่อยให้แม่อยู่บ้านคนเดียว เพราะแม่ตามองไม่เห็น กล้ามเนื้ออ่อนแรงทำอะไรไม่ไหวแล้วบางครั้งแม่ยังมีอาการชักเกร็งด้วย จึงต้องจำเป็นพาแม่ไปด้วย หนูสงสารแม่ จึงขอลาออกจากโรงเรียน เพื่อจะได้มีเวลาไปรับจ้างหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และพาแม่ไปหาหมอ เพราะแม่ต้องไปหาหมอที่ตัวจังหวัดสุพรรณบุรี อาทิตย์ละ 2 ครั้ง บางครั้งต้องไปนอนค้างที่โรงพยาบาลกับแม่ ทำให้เรียนได้ไม่เต็มที่ แต่ทาง ผอ.ไม่ยอมให้ลาออกจากโรงเรียน โดยทาง ผอ.และครู ได้หาทางช่วยเหลือหาเงิน เป็นค่าใช้จ่ายให้ และให้หนูได้เรียนต่อจนจบ ป.6 ตอนนี้หนูคิดถึงพ่อ อยากให้พ่อกลับมาอยู่กับแม่ อยู่กับครอบครัวดูแลแม่ หนูขอขอบคุณท่าน ผอ.คุณครูทุกท่าน และผู้ใจบุญทุกคนที่ช่วยบริจาคเงิน มากช่วยหนูให้ได้เรียนต่อ หนูอยากวิงวอนท่านผู้ใจบุญช่วยพาแม่ไปรักษาอาการตามองไม่เห็น ซึ่งหนูอยากเรียนสูงๆ อยากเป็นหมอจะได้มารักษาแม่รักษาพ่อ และคนอื่น ๆ ด้วย

ทั้งนี้ นายธาดา ธิกุลวงษ์ ผอ.โรงเรียน เปิดเผยต่อว่า สำหรับการเปิดบัญชีรับบริจาค เพื่อนำรายได้ไปรักษาแม่ของน้องเตย ตนคิดว่าในส่วนนี้คงต้องให้แม่ของน้องเค้าไปดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือที่ทางโรงเรียนจะเข้าไปก้าวก่าย หรือต้องให้ทางกำนันผู้ใหญ่บ้านมาช่วยดำเนินการต่อไป
ส่วนถ้าน้องมีความประสงค์จะเรียนต่อระดับมัธยมหรือปริญญาตรี ทางเราก็มีแนวทางมีทุน กสส. ทุนเสมอภาค ซึ่งก็พอช่วยเหลือได้ อย่างไรก็ตามโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนพื้นที่สูง เราจะเน้นเรื่องการฝึกอาชีพ อย่างน้อยหลังจากน้องเค้าเรียนจบ ม.3 น้องเตยจะต้องมีอาชีพทำงานหาเลี้ยงแม่และตัวเองได้

ภาพจากอีจัน
เป็นเรื่องราวความจริงที่ยิ่งกล่าวละคร ชีวิต ด.ญ.คนหนึ่งที่ต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย โชคดีที่มีผู้ใหญ่เห็นถึงความลำบาก จันขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้น้องสู้ๆ ทำตามความฝัน เป็นคุณหมอ ให้สำเร็จนะ สู้ๆ นะน้องเตย