เป็นไปได้อย่างไร ? ชาวบ้าน พบซาก “ วาฬ “ ขนาด ยักษ์ ฝัง ใต้ดิน ห่างทะเลหลายสิบกิโลฯ

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.63 มีการขุดพบกระดูกวาฬไม่ทราบชนิดที่ อำเภอ บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ห่างจากชายฝั่ง 15 กม.
วาฬตัวนี้ ถูกฝังอยู่ใต้ดินห่างจากทะเลไกลขนาดนี้ได้อย่างไร ?

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ให้ข้อมูลไว้ว่า โลกเรา อุณหภูมิแกว่งตลอด เมื่อประมาณ 1 แสน – 1 หมื่นปีก่อน เราอยู่ในยุคน้ำแข็งยุคสุดท้าย (LGP – last glacial period) ยุคนั้นน้ำทะเลลดต่ำ แผ่นดินโผล่พ้นน้ำเชื่อมต่อกัน จากไทยเดินไปเกาะบอร์เนียวสบายๆ เกาะบอร์เนียวมีช้างด้วยเหตุนี้

แต่เมื่อหมื่นปีเศษ อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นฉับพลัน นักวิทยาศาสตร์คาดว่าก๊าซมีเทนใต้พื้นทะเลหลุดมา ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและโลกร้อน น้ำแข็งละลายแบบต่อเนื่อง ทำให้น้ำสูงขึ้น ทะเลยึดแผ่นดินคืน และยึดคืนจนเลยกรุงเทพขึ้นไป

ทะเลเมื่อ 5,000 ปีก่อน ท่วมไปจนถึงลพบุรี จากนั้นน้ำค่อยๆ ลดระดับในยุค little ice age เมื่อ 1-2 พันปีก่อน ทะเลถอยไปอีกครั้ง และถอยไปเรื่อยๆ จนเริ่มเสถียร ก่อนจะเพิ่มอีกครั้งในยุคโลกร้อนครั้งใหม่ ในช่วงพันปีถึงหลายร้อยปีก่อน อำเภอบ้านแพ้วเคยเป็นชายฝั่ง ช่วงนั้นอาจมีวาฬเกยตื้น ดินตะกอนจากแม่น้ำ ทับถมซากวาฬลงไป และฝังไว้อย่างนั้น จนถูกขุดเจออีกครั้งเมื่อวันที่ 6 พ.ค.63 ตอนนี้กรมทะเลกำลังพิสูจน์ชนิด ซึ่งน่าจะเป็นชนิดที่พบในปัจจุบันในอ่าวไทย ดูจากขนาดแล้ว อาจเป็นวาฬบรูด้า ซึ่งเป็นเพียงคาดการณ์ของ ดร.ธรณ์

นอกจากนี้ ดร.ธรณ์ ยังให้ความรู้เกี่ยวกับการเจอซากวาฬไว้ด้วยว่า วาฬและโลมาทุกชนิดเป็นสัตว์สงวน/คุ้มครอง รวมถึงซาก/กระดูก หากเจอไม่ว่าแบบไหนที่ใด รีบแจ้งกรมทะเลทันที เพราะการนำไปขาย เก็บไว้โชว์ เป็นความผิดทางกฎหมาย ถ้าวาฬบรูด้า วาฬโอมูระ ปรับ 3 แสน – 1.5 ล้าน จำคุก 3-15 ปี ถ้าชนิดอื่นๆ ปรับไม่เกิน 1 ล้าน จำคุกไม่เกิน 10 ปี