
เดือดปุดๆ ปม ดาราไต้หวันแฉตำรวจไทยรีดเงิน 27,000 บาท ด้านตำรวจไทยเร่งสอบปม หาหลักฐานชี้การกล่าวหา ขณะที่วันนี้ คนขับแกร็บเข้าให้ปากคำกับตำรวจ ยัน ดาราไต้หวันเมาจริง ตำรวจไม่ได้รีดเงิน ด้าน ดาราไต้หวันโต้กลับ คืนนั้นไม่ได้เมา!
ซึ่งพบว่าคนขับแกร็บดังกล่าว แท้จริงทำงานขับรถแท็กซี่ และเข้าให้ปากคำกับตำรวจนาน 3 ชั่วโมง โดยคนขับรถได้เล่าถึงเหตุการณ์ในคืนวันเกิดเหตุว่า นักท่องเที่ยวได้เรียกรถตนผ่านแอปพลิเคชัน ให้ไปรับที่อาร์ซีเอ ตอนประมาณตีสองกว่า ปักหมุดปลายทางที่ห้วยขวางเทอเรส ซึ่งผู้โดนสารมีทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน ซึ่งตนสังเกตได้ชัดเจนว่า ทุกคนมีอาการเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ตอนไปรับตนจอดห่างจากหมุดไปประมาณ 30 เมตร แล้วบอกให้เดินมา ผู้ชายคนหนึ่งที่พอจะพูดภาษาไทยได้ ก็พูดจาโมโหใส่อารมณ์ ตวาดใส่ตน
ทั้งนี้พอผู้โดยสารขึ้นมา ตนได้กลิ่นเหล้าแรงมากจนต้องขับรถเปิดกระจก และตนจำผู้หญิงคนนี้ได้แม่น เพราะดูท่าทางเมาแล้วโวยวายเสียงดังที่สุดในรถ
จากนั้น ตนก็ขับมาตามเส้นทางจากอาร์ซีเอ ออกถนนพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยก อ.ส.ม.ท. เข้าถนนรัชดาภิเษก แล้วก็มาเจอด่านตรวจที่หน้าสถานทูตจีน แล้วมีตำรวจเรียกขอตรวจ ตนก็เปิดไฟในรถ ตำรวจถามว่าจะไปไหน ตนก็บอกไปว่าเป็นแกร็บ ตำรวจขอตรวจเช็กผู้โดยสารก่อนจะหันไปพูดภาษาอังกฤษกับผู้โดยสารว่า “Police Check” ซึ่งตอนนั้นผู้หญิงมีอาการไม่พอใจชัดเจน ประมาณว่าไม่อยากให้ตรวจค้น และเมาด้วย ตำรวจก็พยายามเชิญลงจากรถ ผู้โดนสารก็ทำท่าไม่อยากลง แต่สุดท้ายก็ลงไปยืนให้ตำรวจตรวจค้นอยู่ที่ท้ายรถฝั่งซ้าย โดยตนจอดรถอยู่เลนซ้ายสุด
ซึ่งมีตำรวจเข้ามาตรวจค้นทั้งหมด 3 นาย ตำรวจได้ให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋า และส่องไฟฉายลงไป ให้ผู้โดยสารเป็นคนรื้อกระเป๋าให้ดูเองไม่ได้แตะต้องข้าวของ และแตะตัวเฉพาะผู้โดยสารผู้ชายเท่านั้น ใช้เวลาตรวจค้นนานประมาณ 30 นาที โดยตนไม่ค่อยได้หันไปมอง จะหันไปเฉพาะเวลาได้ยินเสียงผู้หญิงโวยวายเป็นภาษาจีนเสียงดังใส่ตำรวจ และมีพยายามจะพูดภาษาไทยด้วย ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร และก็ไม่เห็นว่าผู้โดยสารมีการพยายามจะถ่ายคลิป
จากนั้น ผู้โดยสารผู้ชายที่พูดไทยได้ ได้เดินมาหาตนแล้วจ่ายเงิน 80 บาท แล้วก็บอกให้ไปๆๆๆ ตนยังคิดอยู่เลยว่าขาดทุนเพราะค่าโดยสารทั้งหมด 89 บาท แต่ตนก็ขับรถออกมา
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ระหว่างที่จอดรถอยู่ในด่าน ตนไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ตำรวจตรวจค้นปกติ เป็นที่โล่งริมถนน ส่วนผู้โดยสารมีบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือไม่ ตนไม่ได้สังเกต
อย่างไรก็ตาม หลังมีข่าวขึ้นมาตนก็รู้สึกคุ้นหน้านักท่องเที่ยวผู้หญิง จึงมาเปิดดูในไทม์ไลน์แอปพลิเคชัน ซึ่งส่วนมากตนจะจำลูกค้าประเภทที่เมาโวยวายได้แม่น เลยคิดว่าใช่แน่ พอตำรวจเรียกมาจึงให้ความร่วมมือ เพราะมองว่านักท่องเที่ยวหญิงให้ข่าวเกินไป ทำให้เสียภาพพจน์ประเทศไทย ส่วนที่เจ้าตัวออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมว่าไม่ได้ดื่ม ตนยืนยันได้ว่า เมา 100%
ซึ่งตนอยากบอกให้นักท่องเที่ยวสาวออกมาพูดความจริง เพราะตอนนั้นเธอมีอาการเมา แต่ตนขับรถไม่เมาอยู่แล้ว ตนมีสติ ก็ให้สังคมตัดสินว่าจะเชื่อคนเมาหรือคนไม่เมา ส่วนกล้องหน้ารถตน บันทึกเสียงได้ แต่ไฟล์ภาพถูกลบไปแล้วเพราะตนจะฟอร์แมตทุก 7 วัน แต่ก็ได้นำเมมโมรี่การ์ดให้ตำรวจนำไปตรวจสอบแล้วในเบื้องต้น