ฟังเเล้วเจ็บใจ!
(30 พ.ย.65) จากกรณีที่นายณัฐพล อายุ 31 ปี เจ้าของร้านค้าที่ตลาดเทศบาลนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ให้โหลดโปรแกรมติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำการยกเลิกโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ก่อนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปควบคุมการทำงานของโทรศัพท์มือถือ แล้วทำการโอนเงินในบัญชีออกไป
นายณัฐพล เล่าว่า โชคดีที่เงินในบัญชีหายไปประมาณ 14,000 บาท เพราะได้โอนเงินค่าไข่ให้กับฟาร์มไก่ไปแล้ว 350,000 บาทก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุด นายณัฐพล ได้ออกมาร้องกับสื่ออีกครั้งว่า ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาก่อนถามว่า “คุณพี่ที่ออกข่าววันนี้ ว่าคุณพี่โชคดีที่ได้โอนเงินไปให้ค่าไข่ก่อน 350,000 บาท ใช่ไหมครับ” ตนจึงตอบไปว่าใช่
จากนั้นปลายสายได้ถามว่า ได้ไปเช็กบัตรเครดิตหรือยังครับ ตนตอบว่ายังไม่ได้ดู ปลายสายจึงแสดงตัวเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บอกว่า “ผมเอาบัตรเครดิตของพี่ไปกู้เงินให้พี่แล้วนะ ได้อีก 150,000 บาท เงินโอดี อีก 27,000 บาท ทำไมพี่บอกรายละเอียดไม่หมด เงินคุณพี่ไม่ใช่หายไป 14,000 บาท ตอนนี้พี่มีหนี้เพิ่มอีกแสนกว่าบาท พี่ต้องไปแก้ข่าวเดี๋ยวนี้เลย”
ฟังเเล้วจุก เเละ เจ็บมาก!!!
คอลเซ็นเตอร์ ยังถามอีกว่า “ยังอยากได้เงินคืนไหม” พร้อมท้าให้ไปให้ข่าวใหม่ ก่อนจะวางสายไป
นายณัฐพล เล่าอีกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์น่าจะเจ็บใจที่ตนไปให้ข่าวได้เงินไปแค่ 14,000 บาท อาจจะไม่สมศักดิ์ศรี ที่หลอกเงินได้น้อย จึงท้าให้ไปแก้ข่าว ตอนนี้ตนเป็นห่วงประชาชนทั่วไป อาจจะมีโอกาสโดนแก๊งนี้หลอกเหมือนกันตนเอง เพราะมีการพัฒนาการหลอกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่แก๊งนี้มีความสามารถเหนือกว่าหน่วยงานรัฐ แถมโทรมาเยาะเย้ยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงอยากให้รัฐได้พัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการแจ้งอายัดบัญชีธนาคาร ต้องรวดเร็ว เพราะในอนาคตคนร้ายอาจพัฒนาการเจาะข้อมูลได้ลึกกว่านี้ ถึงตอนนั้นแล้วประชาชนจะอยู่กันยังไง กรณีดังกล่าวตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.นางรอง ไว้แล้ว ซึ่งล่าสุดพบว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เอาเงินไปจากบัญชี 190,000 บาทจริงๆ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวแก๊งดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
