
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ร่วมกันจับกุม
1. นายเอกพจน์ อายุ 53 ปี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคลองหลวง
2. นายสถิต อายุ 50 ปี ผอ.กองช่าง เทศบาลเมืองคลองหลวง
เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” มาตรา 157 โดยจับกุมได้ที่ เทศบาลเมืองคลองหลวง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการได้ไปติดต่อที่เทศบาลเมืองคลองหลวง เพื่อขออนุญาตถมดิน ตาม พรบ.ขุดดินถมดิน พ.ศ.2543 โดยค่าธรรมเนียมทั่วไป เป็นจำนวนเงิน 500 บาท แต่นายเอกพจน์ เจ้าพนักงานเป็นผู้ออกใบอนุญาต ได้เรียกรับเงินจากผู้เสียหายลูกบาศก์เมตรละ 50 บาท จากดินที่จะใช้ถมจำนวน 60,000 ลูกบาศก์เมตร รวมเป็นเงิน 3,000,000 บาท
ต่อมาวันที่ 4 เม.ย.66 ผู้เสียหายได้จ่ายเงินไปแล้ว 500,000 บาท โดยผ่านนายสถิตย์ ผอ.กองช่างฯ และได้มีการนัดหมายจ่ายเงินอีก จำนวน 500,000 บาท ในวันที่ 3 พ.ค.66 ที่เทศบาลเมืองคลองหลวง ผู้ร้องเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของ จนท.เทศบาลเมืองคลองหลวง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จงใจเรียกรับเงินเพื่อไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว จึงได้นำหลักฐานเป็นภาพบันทึกเสียงวีดิโอ การเรียกรับเงินดังกล่าว มายื่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม โดยทาง บก.ปปป.ได้รับคำร้องทุกข์เรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการสืบสวนสอบแล้ว พบว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนเชื่อได้ว่า ผู้บริหารเทศบาลเมืองคลองหลวงมีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สิน ตามที่ผู้เสียหายมาร้องทุกข์จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 1 อนุมัติหมายจับนายสถิตย์ และหมายค้นบ้านพักของนายสถิตย์
จากนั้นวันที่ 3 พ.ค.66 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อแสวงหา และรวบรวมพยานหลักฐาน โดยให้ผู้เสียหายนำเงินสด จำนวน 500,000 บาท ซึ่งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว นำมามอบให้นายสถิตย์ ที่ ห้องทำงานเทศบาลฯ และเมื่อผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ขณะทำการตรวจค้น พบว่ามีเงินสดจำนวน 500,000 บาท ในถุงกระดาษวางอยู่บนโต๊ะทำงานภายในห้องทำงาน เจ้าหน้าที่ฯ จึงทำการตรวจสอบเงินสดต่อหน้านายสถิตย์ฯ พบว่าหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และแสดงหมายจับพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้นายสถิตย์ฯทราบ
ต่อมานายเอกพจน์ ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการ เทศบาลเมืองคลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายเอกพจน์ทราบ และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่ง พงส.กก.2 บก.ปปป. โดย พงส. บก.ปปป. จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดในข้อกล่าวหา