เปิดประวัติ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ หลวงตาจากกองทัพ สู่กองทัพธรรม

เปิดประวัติ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ พระนักธุดงค์ หลวงตาจากกองทัพ สู่กองทัพธรรม ออกธุดงค์เดินเท้าเปล่านับพันกิโลเมตร เพื่ออะไร ?

เปิดประวัติ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ

“หลวงตาบุญชื่น” อายุ 72 ปี เดินธุดงค์เท้าเปล่านับพันกิโลเมตร ไม่รับปัจจัยเพราะไม่ต้องใช้ พื้นเพเกิดที่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เคยมีชีวิตครอบครัวมาก่อน และต่อสู้สร้างครอบครัวมาตลอด โดยในช่วงเป็นหนุ่ม หลวงตาเคยเป็นทหารเกณฑ์ และได้รับคัดเลือกไปสู้รบในยุคสงครามเวียดนาม ประมาณปี 2512 สังกัดพลกองพันปืนใหญ่ จ.อุดรธานี และเคยผ่านการฝึกรบพิเศษอยู่ในค่ายเป็นเวลา 2 ปี ก่อนปลดประจำการ ได้เหรียญทหารผ่านศึก กลับมาสร้างชีวิตครอบครัว แต่งงานมีลูกทั้งหมด 4 คน

จากนั้นเมื่อดูแลบุตรทั้งหมด สร้างครอบครัวหมดแล้ว จึงขอครอบครัวลาบวช เพราะต้องการหาสัจธรรมของชีวิต อยากเห็นความสงบในชีวิต เพราะชอบศึกษาธรรมะ และชอบศึกษาหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น จึงเข้าอุปสมบท ตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรมเมื่อปี 2552 ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้แสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ เดินธุดงค์ไปหลายที่ ไม่จำวัด ทุกปีจะไปจำวัดตามป่าเขา ก่อนนี้ไปจำพรรษาในถ้ำเตียงสิริขันธ์ บนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มาต่อเนื่อง 4 ปี

หลวงตาชื่น กล่าวอีกว่า ทุกปี ตั้งแต่ปี 2559 ได้ตั้งมั่นจาริกธรรม เดินธุดงค์มาจากภาคเหนือ แต่ขาไปขึ้นรถไปกับคณะพระสงฆ์หลายวัด มาปีนี้ได้ตั้งมั่นเดินทางไปกลับด้วยการธุดงค์จนกลับมาถึงบ้านเกิด ในระหว่างทางมีญาติโยมนิมนต์ขึ้นรถเพราะสงสาร อายุมาก แต่ตนได้บอกว่า ตนต้องการบำเพ็ญเพียร แสวงบุญ เดินธุดงค์ตามรอยหลวงปู่มั่น ไม่ขอขึ้นรถ ไม่ต้องช่วยขนสัมภาระ ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่า และไม่กลัวว่าจะเจ็บป่วย เนื่องจากสละทุกอย่างแม้แต่สังขาร เพราะต้องการเข้าถึงสัจธรรม

และในปีนี้หลังออกพรรษาจะเดินจาริกธุดงค์เหมือนทุกปี สำคัญที่สุดคือกิจของสงฆ์จะต้องไม่ขาด มีบิณฑบาต ทำวัดเช้าเย็น สวดมนต์ เจริญภาวนา และศึกษาธรรมะ หากญาติโยมที่ต้องการสนทนาธรรม ยินดี และจะจำวัดที่พักสงฆ์ ถึงสิ้นเดือนมกราคม ก่อนจะจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบำเพ็ญเพียร ถึงร่างกายจะชรา อีกทั้งมีโรคเลือดจาง แต่ไม่ได้กังวล เพราะสละทุกอย่างแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ตราบใดเดินไหวยังจะแสวงบุญทุกปี

จากการสอบถาม นางตาล อุ่นเพียรโสม อายุ 66 ปี ชาวบ้านเสาเล้า และลูกสาวคนโต คือ นางบานเย็น บุพศิริ อายุ 46 ปี ทั้งสองได้เปิดเผยว่า หลวงตาในช่วงวัยหนุ่ม เป็นคนขยัน มุมานะ อดทน สร้างครอบครัว ต่อสู้เพื่อครอบครัวมาตลอด และชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ที่จำได้เคยบอกครอบครัวเสมอ พอถึงวัย 60 ปี หลังจากลูกทุกคนมีครอบครัว จะขอลาบวชไปใช้ชีวิตทางธรรม สละทางโลก ถึงปี 2552 อายุได้ 60 ปี ได้ขอลาครอบครัวไปบวช ซึ่งทุกคนไม่ขัดข้อง ขออนุโมทนาบุญกับหลวงตาชื่น เพราะเป็นความตั้งใจถึงแม้ห่วง คิดถึง แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่หลวงตาชอบ

ทุกปี ตลอดการบวชกว่า 10 ปี จะไม่จำวัดอยู่กับที่ จะไปจาริกธุดงค์ทั่วประเทศตามพระอาจารย์ที่รู้จัก ปกติจะไม่ได้ติดต่อ ไม่มีมือถือ ไม่มีการติดต่อกลับมา เพราะหลวงตาบอกกับครอบครัวว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่จะเห็นกลับมา หากทราบข่าวเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยค่อยไปดูแล หรือเจ็บป่วยตายในป่า ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ หากไม่มีคนพบเห็น เพราะสละทางโลกแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต้องรับได้หมด จนกระทั่งล่าสุด ทางครอบครัวดีใจมากและอนุโมทนาบุญกับหลวงตาชื่น

หลวงตาจากกองทัพ สู่กองทัพธรรม เดินหน้าเผยแผ่คำสอนในพระพุทธศาสนา อย่างไม่ย่อท้อ ไม่เกี่ยงเรื่องอายุขัย สภาพดินฟ้าอากาศ  คำติ คำชม ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมนุษย์โลก และธรรมชาติ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าผิดธรรมชาติ ผิดธรรมดา ตลอดการธุดงค์ไปต่างที่ต่างถิ่น หลวงตาบุญชื่นก็ยังคงปฏิบัติกิจของสงฆ์อยู่ไม่ขาด ทั้งบิณฑบาต ทำวัตรเช้า-เย็นและศึกษาธรรมะ ท่านยังกล่าวไว้อีกว่าจะเดินธุงดงค์จนกว่าร่างกายจะไม่ไหว

โดยข้อวัตรปฎิบัติของ หลวงตาบุญชื่น คือ

1.รองเท้าไม่ใส่

2.ปัจจัยไม่รับ

3.ยานพาหนะไม่นั่ง

4.ฉันทีในอาสนะเดียว

5.นอนไม่มีกลดไม่มีมุ้ง

6.ครองไตรจีวร

ขอบคุณภาพ เพจเฟซบุ๊ก หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ (พระอริยสงฆ์แห่งสยาม)

คลิปอีจันแนะนำ
เปิดประวัติ หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ หลวงตาจากกองทัพ สู่กองทัพธรรม