นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.พิษณุโลก รวมตัวประท้วงพร้อมชูป้ายขับไล่ ผอ. โดยกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
วันนี้ (27 ก.ย. 65) ที่บริเวณริมถนนทางเข้า โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก สังกัดสำนักงานเขตพื้นทีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลกเขต 1 มีกลุ่มนักเรียน, ผู้ปกครอง และแม่ครัวโรงเรียน กว่า 20 คน รวมตัวถือป้ายไวบอร์ดยืนประท้วง พร้อมส่งเสียงขับไล่
โดยที่ป้ายไวท์บอร์ดเขียนข้อความว่า “ช่วยหน่อยนะคะ ไม่เอา ผอ.คนนี้ #ออกไป ไม่เอา ผอ.คนนี้” พร้อมเขียน พฤติกรรม ผอ.เป็นข้อว่า “1.ปิดสหกรณ์ 2.ไม่ให้สั่งของนอก รร.มากิน 3.ดูถูกนักเรียนว่ายากจน 4.ค้นกระเป๋านักเรียน 5.ส่องเฟซนักเรียนใครมีแฟนด่า 6.ไม่ให้ต้มมาม่ากิน 7.จะยุบโรงอาหาร 8.ปิดประตูไม่ยอมให้เข้า-ออก 9.ปิดเพจโรงเรียนไม่ให้คนนอกรับรู้ข่าวสาร”
ด้านตัวแทนนักเรียนได้ออกมาพูดถึงพฤติกรรมของ ผอ. ว่า ตอนมาแรกๆ ก็ดี แต่หลังๆ ไม่ดีเลย บางเรื่องก็ทำเกินไป ทั้งดูถูกนักเรียน ไล่แม่ครัวออก ด่าครูผู้สูงอายุกว่า ครูเอาของเครื่องใช้มาให้นักเรียนก็ว่า เด็กนักเรียนต้มมาม่ากินก็ว่า อย่างเรื่องมาม่าก็บอกว่ากลัวไฟจะช๊อต ขนาดให้ครูท่านอื่นเป็นคนต้มน้ำให้ก็ไม่ได้ ซึ่งที่ต้องต้มเพราะชั้นมัธยมไม่มีอะไรกิน อาหารกลางวันของโรงเรียนก็ให้ทานได้เฉพาะอนุบาล-ประถมฯ
ซึ่งปกติเด็กมัธยมฯ ก็จะมีสหกรณ์ได้ซื้อของกินได้ แต่ตอนนี้สหกรณ์ปิดมาได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ทำให้เด็กต้องหาอะไรมากินเอง บางทีเอาข้าวมากินอากาศมันร้อนจัดมันก็บูด สั่งพวกเดลิเวอรี่มาส่งอะไรแบบนี้ก็ไม่ได้ ผอ.ไม่เคยจัดประชุมผู้ปกครองเลย และดูถูกนักเรียน จากเรื่องแค่นักเรียนใส่เสื้อผ้าเลอะเพราะซักไม่ออกก็ว่าบ้านจนไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ จึงอยากจะให้ ผอ.คนนี้ออกไป
โดยที่ออกมาวันนี้ ผู้ปกครองรู้เรื่องและสนับสนุน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยคุยกับ ผอ.แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตนและกลุ่มเพื่อนๆ น้องๆ เตรียมตัวมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถออกมาพูดได้ เพราะถ้าออกมาพูดก่อนจะสอบก็อาจจะโดนไล่ออกไป ตอนนี้สอบเสร็จแล้วจึงออกมาเรียกร้อง
ต่อมา นางสาวศุภมาศ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวอีจัน แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ โดยบอกว่า โรงเรียนฯ มีครูทั้งหมด 10 คน พนักงานราชการ 1 คน มีนักเรียนระดับชั้นอนุบาล-มัธยมปีที่ 3 จำนวน 91 คน ซึ่งตนมารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และได้ชี้แจงตามแต่ละข้อที่นักเรียนกล่าวหาว่า
กรณี “สั่งปิดสหกรณ์โรงเรียน” ได้สั่งให้หยุดกิจการจริง เพราะตนมาดูบัญชีแล้วทราบว่าขาดทุน ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหนถึงขาดทุนจึงให้ครูเดิมที่ขายหยุดไป และตั้งครูคนใหม่มาทดลองขาย ปรากฏว่าได้กำไร แต่ทั้งหมดทั้งมวลมองว่าครูไม่ควรมานั่งขายของสหกรณ์ หรือต้องมานั่งเสียบลูกชิ้นขาย ควรเอาเวลาไปสอนดีกว่า จึงได้เปิดประมูลให้บุคคลภายนอกเข้ามาขาย ซึ่งเปิดไป 3 รอบแล้ว ไม่มีใครเข้ามา จึงปิดไปก่อน ตั้งใจว่าเทอมหน้าจะเปิดอีกครั้ง โดยทางโรงเรียนจะลงทุนเอง แล้วหาจ้างคนมานั่งขายแทน
กรณี “จะยุบโรงอาหาร” ไม่เป็นความจริง แต่มีการประกาศเหมาจ้างใหม่ ทำให้แม่ครัวคนเดิมต้องหยุดทำอาหารไป จึงอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกัน
กรณี “ไม่มีอาหารกลางวันให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษากิน” เป็นเรื่องจริง เพราะโรงเรียนฯ มีนักเรียนทั้งหมด 91 คน แต่ได้รับงบประมาณอาหารกลางวันเฉลี่ยหัวละ 21 บาท และได้รับมาเฉพาะเด็กเล็กจนถึงชั้นประถมเท่านั้น จึงทำให้ไม่มีงบในการเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กมัธยม เด็กชั้นมัธยมต้องห่อข้าวมากินเอง
กรณี “ไม่ให้ต้มมาม่า” เป็นเรื่องจริงเพราะไม่อยากให้เด็กทานแต่มาม่า เพราะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายประกอบกับนักเรียนบางคนยกกระติกน้ำร้อนแบบต้มน้ำร้อนเร็วมาต้มเอง ตนไม่เห็นด้วยเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้จึงสั่งห้าม
กรณี “ไม่ให้สั่งอาหารเดลิเวอร์รี่” ยันไม่เป็นความจริงตนไม่เคยห้ามนักเรียนสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาทานแต่อย่างใด
กรณี “ส่องเฟซบุ๊กนักเรียน” นั้น เห็นว่านักเรียนบางคน อาจจะต้องการการดูแลและช่วยเหลือให้คำปรึกษาใกล้ชิด จึงต้องดูพฤติกรรมนักเรียนจะได้ช่วยแก้ปัญหาได้ถูกทางเท่านั้น
กรณี ”ปิดประตูเข้า-ออกโรงเรียน” เพราะตนหวั่นเกรงเรื่องของคนแปลกหน้าที่เข้ามาในโรงเรียนโดยพละการ เกรงจะมีเรื่องของการมั่วสุมของผิดกฎหมายหรือยาเสพติด ที่จะก่อผลกระทบแต่เด็กนักเรียนภายในโรงเรียน
ทั้งนี้ ตนจะเชิญ กลุ่มนักเรียน, ผู้ปกครอง และแม่ครัว เข้ามานั่งคุยกันชี้แจงและอธิบายสาเหตุต่างๆ ให้เข้าใจ และเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป