
เรื่องนี้ใกล้ตัว และหลายๆ คนกำลังเผชิญอยู่
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กทม. ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ...
พร้อมแล้ว! ร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรฉบับประชาชน
หลังจากผมลาออกจากรองหัวหน้าชาติพัฒนากล้า ลงมาลุยภาคประชาชนเต็มตัว ได้รับความกรุณาจากพี่ๆ หลากหลายวงการ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้เดือดร้อน มาร่วมกันร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรสำเร็จแล้ว
ร่างฉบับนี้จะเป็นการ "ยุติการแช่แข็งลูกหนี้" ลดความเดือดร้อนประชาชน ไม่ต้องติดในระบบแบล็กลิสต์กว่า 3 ปี เราสร้างกติกาใหม่ในการแจ้งข้อมูลเครดิต และการทำลายข้อมูลเก่าที่เกินความจำเป็น ให้เป็นธรรมกับประชาชน ได้มีโอกาสฟื้นตัวและได้รับสินเชื่อที่เป็นธรรม ไม่ต้องโดนดอกเบี้ยสูงของหนี้นอกระบบ
นายอรรถวิชช์ ระบุว่า สัปดาห์หน้าจะไปยื่นต่อท่านประธานสภาเพื่อตรวจร่างกฎหมายและเตรียมขอรายชื่อจากพี่น้องประชาชน 10,000 รายชื่อ
นอกจากนี้ นายอรรถวิชช์ ได้โพสต์ในคอมเมนต์ว่า จะไปยื่นร่างต่อท่านประธานสภาอย่างเป็นทางการ และทุกท่านจะเห็นร่างฉบับเต็มสัปดาห์หน้า พร้อมเว็บไซต์ลงชื่อ ของ โปรเจค changeblacklist ผม และพี่ๆ ทุกภาคส่วน เราตั้งใจทำร่างฉบับนี้ เพื่อจะช่วยประชาชน 5 ล้านคนที่ติดแบล็กลิสต์ กลับเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม ขอทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือร่วมลงชื่อให้กฎหมายฉบับนี้ สำเร็จด้วย
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของเครดิตบูโร หากค้างชำระหนี้และติดหนี้บัตรเครดิต เมื่อจ่ายหนี้หมดแล้ว กฎหมายกำหนดให้เก็บไว้ในระบบของเครดิตบูโรนาน 3 ปี (36 เดือน) นับแต่วันที่สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกส่งรายงานข้อมูลมายังบริษัท โดยที่จะมีข้อมูลใหม่เข้าไปแทนที่ข้อมูลเก่าเรื่อย ๆ ทุกเดือน ในกรณีที่ชำระหนี้เก่าเสร็จสิ้นแล้ว ข้อมูลประวัติที่เคยค้างชำระจะหายไปจากระบบในเวลา 3 ปี
ซึ่งประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่า เมื่อติดหนี้บัตรเครดิต และชำระหนี้หมดแล้ว เมื่อไปยื่นเอกสารกู้ซื้อบ้าน หรือกู้เงิน จะติดปัญหาเมื่อธนาคารตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรแล้วจะไม่ค่อยปล่อยกู้ เนื่องจากมีข้อมูลเคยติดหนี้ค้างไว้ถึง 36 เดือน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เฟซบุ๊ก อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี