ชาวบ้านวอนเมตตา! อย่าจับสึก ครูบาไก่ อย่าทำลายศรัทธา

ชาวบ้านรวมตัวขอความเป็นธรรมให้ ครูบาไก่ วอนอย่าจับสึก จวกแพรรี่หยุดให้ร้าย ท้าให้มาดูความจริง ชาวบ้านยินดีต้อนรับ

เมื่อวานนี้ (5 ก.พ. 66) ชาวบ้านกว่า 200 คน รวมตัวเข้าพบเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ระบายความในใจ พร้อมวอนอย่าจับสึก ครูบาไก่ กรณีขุดพระ อ้างว่าเป็นพระโบราณ ยืนยันไม่ได้อวดอุตริ อย่าทำลายความศรัทธาของชาวบ้าน ถ้าจะทำขอให้ยุติธรรมบนขั้นตอน พร้อมฝากถึง แพรรี่ ไพรวัลย์ ให้หยุดพูด ไม่รู้ความจริงแต่หยิบข้อมูลใส่ร้ายมากดดันพระผู้ใหญ่ ท้าให้ลงพื้นที่พิสูจน์ จะต้อนรับอย่างดีด้วยความเป็นมิตรไมตรี

โดยชาวบ้านในพื้นที่อำเภอมัญจาคีรีและอำเภอโคกโพธิ์ไชย มารวมตัวกันที่วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อพบเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ขอความเป็นธรรมให้ ครูบาไก่ หรือพระครูสุวิทย์ ชินวโร อายุ 30 ปี ประธานพักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม หรือวัดป่าปฐมเทวาราม บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น  แต่เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นรับกิจนิมนต์ไปต่างจังหวัด จึงไม่ได้พบ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันอยู่ที่วัดประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนแยกย้ายเดินทางออกจากวัด

ซึ่งชาวบ้านที่เดินทางมาพบเจ้าคณะจังหวัดในครั้งนี้ ต่างยืนยันว่า ต่างคนต่างมา แต่มีความเห็นตรงกันว่า หลังจากมีคนออกข่าวข่าวทางโซเชียลและรายการทีวีว่า ครูบาไก่ อวดอุตริ และว่าพระพุทธรูปหรือวัตถุโบราณที่ครูบาไก่ขุดขึ้นมานั้น เกิดจากการอวดอุตริและไม่ใช่พระพุทธรูปหรือวัตถุโบราณที่เป็นของแท้ ทั้งหมดเป็นของปลอม เรียกร้องให้พระสงฆ์ที่เป็นพระผู้ใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น ทำการสึกครูบาไก่  จึงจำเป็นต้องเดินทางมาร้องขอคามเป็นธรรมจากเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น

ทั้งนี้ มีชาวบ้านบ้านมูลนาก อ.โคกโพธิ์ไชย คนหนึ่ง เล่าให้ทีมข่าวอีจันฟังว่า ตนได้ติดตามครูบาไก่มาสิบปีกว่าแล้ว ตั้งแต่บวชเณร จนถึงปัจจุบัน เห็นมาตลอดว่า ครูบาไก่ประพฤติดี กระทั่งมีอิคคิวกับบุ๋มเข้ามาอยู่ที่วัด ปัญหาทุกอย่างจึงเกิดขึ้น และทำลายครูบาไก่ จนเป็นเรื่องราวขยายความออกไป

“คนที่วิจารณ์และกล่าวหาครูบาไก่ คือคนที่ไม่เคยมาสัมผัสในพื้นที่ ไม่เคยมาทำบุญกับครูบาไก่  จึงไม่รู้ความจริง จนวิจารณ์และกล่าวหาครูบาไก่ต่างๆ นานา แล้วยังมาหาว่าคนขอนแก่นสมองน้อยนิด  ถ้าคุณเป็นคนที่รู้จริง รู้ทุกอย่าง ก็ขอให้ลงพื้นที่มาหาชาวบ้าน มาดูข้อเท็จจริงแล้วคุณจะรู้ว่าครูบาไก่นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา  ส่วนที่ครูบาไก่นั่งเจ็ทสกี ขี่บานาน่าโบ๊ทนั้น ครูบาไก่ก็ยอมรับว่าไม่เหมาะสม และเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ครูบาไก่เข้ากราบขอขมา รับผิดข้อวินัยอาบัติ เรื่องสรงน้ำในลำธารและนั่งเรือต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ พระผู้ปกครองคณะสงฆ์มัญจาคีรี  เพื่อให้ตักเตือนและกล่าวโทษตามข้อพระวินัย ไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนเรื่องอื่นๆครูบาไก่ไม่ได้ทำผิด ก็ถูกกล่าวโทษ จนเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ไม่ทำลายความเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านได้  อยากขอให้คนที่กล่าวโทษครูบาไก่ ลงพื้นที่มาพบชาวบ้าน ชาวบ้านยินดีต้อนรับ”

ด้าน นางปียา คำหว่าน อายุ 55 ปี ชาวบ้านโนนเขวา ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ชาวบ้านที่นิมนต์ครูบาไก่ไปที่ทุ่งนาตัวเอง กล่าวว่า ทำนาในแปลงนาที่อยู่บ้านสว่าง ม.8 ต.สวนหม่อน มาครึ่งชีวิต รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมชาวบ้านรายอื่นๆ มาทำมาหากินในที่นาตนไม่ได้ ก็เก็บความสงสัยในใจ แต่ไม่พูด กระทั่งปี 2560 ไปนอนที่ที่นาของตัวเอง เพื่อทำการเกษตร ก็มีลูกไฟสว่างจ้า ขึ้นมาจากเนินดินที่อยู่กลางทุ่งนา  ซึ่งเนินดินจุดนี้ ชาวบ้านเรียกว่า เนินช้างตาย และเห็นลูกไฟลอยขึ้นมาติดต่อกันหลายคืน ก็เกิดความไม่สบายใจ จึงไปหาครูบาไก่และนิมนต์ครูบาไก่ไปที่เนินดินกลางทุ่งนา  ครูบาไก่ก็บอกให้ชาวบ้านขุด โดยบอกว่า คนเฝ้าทรัพย์สินในจุดดังกล่าว อยากไปเกิด จึงส่องแสงให้เห็น ชาวบ้านนับร้อยคนช่วยกันขุดดิน ลึกลงไปประมาณ 3 เมตร ก็พบแผงพระสมเด็จ จำนวน 3 แผง รวม 48 องค์  จึงนำพระสมเด็จทั้งหมดไปถวายวัดโสรโย มาจนถึงปัจจุบัน

นางปียา กล่าวอีกว่า รู้สึกโกรธแพรรี่มาก ที่ดูถูกเหยียดหยามพระครูบาไก่ พระสงฆ์ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา แล้วยังดูถูกคนขอนแก่น จึงอยากให้แพรรี่มาดู มาให้รู้ มาให้เห็นในสิ่งที่ชาวบ้านศรัทธา ไม่ใช่แค่ตามข่าวและฟังคำบอกเล่าจากคนอื่นแล้วมาวิจารณ์เสียหายเช่นนี้  ชาวบ้านไม่ได้ท้าทาย แต่อยากให้คนที่ไม่เคยรู้จักพระครูบาไก่ มาดูความจริงว่าครูบาไก่เป็นอย่างที่ถูกวิจารณ์หรือไม่ และขอร้องให้ทุกคนหยุดใส่ร้ายครูบาไก่  ถ้าหยุดชาวบ้านจะให้อภัยทุกคน

คลิปอีจันแนะนำ
“บังมัส” จากม้าส่ง สู่เจ้าพ่อค้ายานรก