DSI ปราบโกงพบกลุ่มลักลอบใช้ไฟ ขุดเงินดิจิทัล ทำรัฐเสียหายกว่า 500 ล้าน

DSI ลุย! ผนึกกำลัง จนท. ปูพรมค้น 41 จุด ลักลอบใช้ไฟทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล ทำรัฐสูญรายได้กว่า 500 ล้านบาท
DSI ปราบโกงพบกลุ่มลักลอบใช้ไฟ ขุดเงินดิจิทัล ทำรัฐเสียหายกว่า 500 ล้าน

DSI ลุยปราบโกง ลอบใช้ไฟขุดเงินดิจิทัล รัฐสูญ 500 ล้าน!!!

วันนี้ (30 พ.ย.65) เวลา 07.00 น. นายไตรยฤกธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนกลางคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือ ปฏิบัติการ “Electrical Shock”

โดยสนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการ “Electrical Shock” เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 41 จุด ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท

จากกรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้รับการร้องเรียน ว่ามีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัล โดยเฉพาะบิทคอยน์ ที่ผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้ ในการขุดบิทคอยน์มาจากต่างประเทศ และมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย

อธิบดี DSI จึงมอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบสืบสวน โดยมีการประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร จนพบจุดต้องสงสัยจำนวนมาก กระจายตัวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล การทำเหมืองขุดบิทคอยน์ดังกล่าว จะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรง โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ เป็นการลักกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด

ด้านกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ สืบสวนจนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ภายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ 100 เครื่อง โดยมีการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300 - 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้การไฟฟ้านครหลวงมีมูลค่าเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือเกือบ 300 ล้านบาทต่อปี

DSI จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญา เพื่อเข้าค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัย จำนวน 41 แห่ง เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการลักไฟฟ้า เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา

ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า 2,000 ตัว มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท ไว้เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งจะมีการตรวจสอบไปยังกรมศุลกากรว่ามีการนำเข้าราชอาณาจักรไทย โดยผ่านพิธีการทางศุลกากรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษก็จะได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนต่อไป

จากการสืบสวนขยายผล พบว่าปัจจุบันมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อทำเหมืองขุดเงินดิจิทัลจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการนำเข้าเครื่องขุดเงินดิจิทัลมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน มาติดตั้งในอาคารพาณิชย์ที่มีค่าเช่าในราคาไม่สูงมาก จากนั้นจะทำการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการขุดเงินสกุลดิจิทัล แล้วปล่อยให้เครื่องขุด เปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ปล่อยเครื่องขุดทำงานจะไม่มีผู้พักอาศัยในอาคารดังกล่าวแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังทำให้เกิดความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากเหมืองขุดเงินสกุลดิจิทัลมีการใช้ไฟฟ้าสูงเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าในโรงงาน จึงทำให้เกิดความร้อนสูง และเป็นการใช้อาคารพาณิชย์ผิดประเภท โดยประเด็นนี้ DSI จะดำเนินการขยายผลต่อไป

คลิปอีจันแนะนำ
ระทึก! ล่าคนร้ายเบี้ยวค่าน้ำมัน หวิดวิสามัญ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

No stories found.

ข่าวยอดนิยม

No stories found.
logo
ข่าว อีจัน
www.ejan.co