มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ระบายความในใจ พร้อมข้อความรู้ ถึงการปิดเบอร์มือถือ
ผู้โพสต์เล่าว่า
“ขอสอบถามเพื่อนๆ หน่อย ถ้าจะปิดเบอร์เติมเงิน แล้วมีเงินเหลือค้างอยู่ ตามกฎหมายแล้ว เรามีสิทธิ์ได้เงินคืนใช่มั้ย แต่ทำไม…ไม่คืนให้? “
เรื่องของเรื่องคือ ยายเราเป็นแม่ชีอยู่ที่วัด อายุ 83 ปี ยายจะเปิดใช้เบอร์มงคลเบอร์ใหม่แทน แต่ยังมีเงินค้างอยู่ในซิมเก่า 260 บาท เลยอยากได้เงินคืนออกมา
เราเลยพายายไปที่ ช้อปเพื่อปิดซิมและขอเงินคืน แต่พนักงานดีแทคบอกว่า
“ไม่สามารถนำเงินออกมาได้ ต้องรอซิมหมดอายุ แล้วค่อยกลับมาดำเนินการใหม่”
เรากับยายก็งง ว่าทำไมต้องรอนานขนาดนั้น เพราะดูจากแอปแล้ว แจ้งว่าอีกตั้ง 6 เดือน จะหมดอายุ
ยายก็ย้ำถาม พนักงานก็บอกคำเดิม “รอซิมหมดอายุค่ะ”
คนโพสต์ เล่าต่อว่า ได้เดินไปถาม ค่ายที่อยู่ใกล้เคียง ถึงกรณีของยาย
ค่ายดังกล่าวให้ข้อมูลว่า “หากเงินค้างในระบบเติมเงิน ให้เอาบัตรประชาชนตัวจริง กับ ซิม มาติดต่อที่ช้อปเพื่อขอรับเงินคืนได้ทันที ถ้ายอดไม่ถึง 500 บาท สามารถรับเงินสดที่หน้าเคาท์เตอร์ได้เลย แต่ถ้าเงินในซิมเกิน 500 บาท หลังจาก 30 วัน ก็จะโอนเงินคืนเข้าบัญชีของลูกค้าทันที”
เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกค้าสับสน ว่าเธอโดนพนักงานให้ข้อมูลผิดพลาดหรือเปล่า จึงมาสอบถามชาวโซเชียล
ซึ่งการตรวจสอบจาก กสทช. พบข้อมูลว่า
กระบวนการคืนเงินจากซิมเติมเงินให้แก่ลูกค้านั้น มีกฏระเบียบที่ กสทช.บังคับผู้ให้บริการมือถือทุกรายปฏิบัติตามอยู่แล้ว คือ
หลังจากทำการปิดซิมเรียบร้อย ผู้ให้บริการมือถือจะต้องคืนเงินให้ลูกค้าภายใน 30 วัน
หากผู้ใช้บริการไม่ได้รับเงินคืนตามกระบวนการ สามารถร้องเรียนมาที่ กสทช. ผ่านทาง E-mail : [email protected] แนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ไปเป็นหลักฐานด้วยนะคะ
ซึ่งทาง กสทช. ก็จะพิจารณา ต่อว่า การที่ผู้ให้บริการไม่ดำเนินการคืนเงินให้ลูกค้านั้น มีเงื่อนไขอื่นแอบแฝงหรือไม่
เช่น ไม่อยากให้ย้ายค่ายหรือปิดเบอร์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎระเบียบที่ กสทช.กำหนดไว้
ใครเคยโดนเหตุการณ์เดียวกับผู้โพสต์เฟซบุ๊กบ้างหรือเปล่า
อย่าปล่อยให้สิทธิ์ของคุณโดนใครเอาเปรียบนะคะ