
กรณีส่วยอุทยานฯ สัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานว่า นายรัชฎา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ถูกจับกุม เพิ่งจะฟ้องกลับชุดจับกุมและนายชัยวัฒน์ ที่เป็นผู้ร้อง ล่าสุดวันนี้ (7 ก.พ. 66) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี ได้หอบเอกสารมาร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) 2 คดี ดังนี้
คดีแรก นายชัยวัฒน์ ได้นำเอกสารมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการและอนุกรรมการ ป.ป.ท. รวม 12 ราย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และมาตรา 200 กลั่นแกล้งให้บุคคลได้รับโทษ โดยนายชัยวัฒน์ระบุว่า คดีนี้ เป็นคดีที่ตนเองถูกชี้มูลความผิด กรณีเข้ารื้อถอนและเผาทำลายบ้านกะเหรี่ยงบางกลอย ทำให้ตนเองถูกตั้งกรรมการสอบ นำมาสู่การให้ออกจากราชการ
โดยนายชัยวัฒน์ มองว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากจุดที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. อ้างว่าเป็นจุดเกิดเหตุไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในการทำยุทธการฯ นอกจากนี้ อนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ท. ไม่เคยเข้าไปดูที่เกิดเหตุ และไม่ได้ไต่สวนพยานอย่างรอบด้าน ทำให้ขาดพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ จนนำไปสู่การคืนสำนวนของอัยการทุจริตภาค 7
นอกจากนี้ คณะกรรมการบอร์ด ป.ป.ท. ยังชี้มูลความผิดตนเองทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เป็นการทำไปตามกระแสของสังคม โดยที่ตนเองไม่ได้มีความผิดจริง นำมาสู่การที่ตนเองได้รับโทษทางอาญาและวินัย จึงรวบรวมหลักฐานมาร้องทุกข์ดังกล่าว
ส่วนคดีที่สอง นายชัยวัฒน์ มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปมตนเองถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการปลูกป่า พื้นที่ป่าแก่งกระจาน ในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 เช่นกัน
โดยนายชัยวัฒน์ เล่าว่า กรณีนี้เป็นเรื่องเก่าที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการปลูกป่า พื้นที่ป่าแก่งกระจาน ตั้งแต่ปี 2563 จนมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ในการสอบสวนไม่เคยเรียกตนเองไปให้ถ้อยคำ และไม่ได้รับฟังพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน กลับมุ่งเน้นพยายามเอาผิดตนเอง ต่อมาตนเองจึงทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปที่เลขาธิการ ป.ป.ท. ปรากฏว่าไม่พบเรื่องร้องเรียนโครงการนี้ในสารบบ จึงถือว่าเรื่องยุติแล้ว
นายชัยวัฒน์ เล่าต่อว่า แต่หลังจากที่ตนเองเปิดโปงเรื่องการทุจริตของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ตนกลับถูกกลั่นแกล้งจากบุคคลระดับผู้บริหารของกระทรวงฯ โดยมีการรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งตนเองมองว่า การออกมาเปิดโปงการทุจริตควรจะเป็นประโยชน์กลับกระทรวงด้วยซ้ำ แต่ด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบจึงถูกกลั่นแกล้ง จึงนำเรื่องนี้มาร้องต่อพนักงานสอบสวน เพราะอยากให้ทุกอย่างเปิดเผย
นอกจากนี้ นายชัยวัฒน์ ยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่นายรัชฎา ถูกจับกุม ก็ยังมีการเรียกรับผลประโยชน์อยู่ พร้อมยืนยันว่าตนเองมีหลักฐานอีกเยอะเกี่ยวกับกรณีนี้ พร้อมให้ผู้สื่อข่าวติดตามรอเพราะเร็วๆ นี้จะมีข่าวใหญ่