
ตามที่ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สั่งเรียกคืนยารักษาโรคความดันโลหิตสูง 'เออบีซาแทน' (Irbesartan) ที่จำหน่ายจากบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากยาบางรุ่นการผลิต พบการปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็งเอแซดบีทีในวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยา เกินเกณฑ์สากลที่ยอมรับ โดยพบว่าในไทยมีอยู่ 42 รุ่นการผลิต จาก 5 บริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรุ่นที่องค์การเภสัชกรรมผลิตด้วยนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ขณะที่ พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ในส่วนขององค์การเภสัชกรรม ก็ได้รับแจ้งจาก อย. ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่า มียารักษาความดันที่ต้องเรียกคืน คือ IRBESARTAN GPO (300 MG) เลขทะเบียน 1A 31/56 (NG) รุ่นการผลิต A650197 วันที่ผลิต 4/2/2022 วันหมดอายุ 4/2/2024 รุ่นการผลิต A650681 วันที่ผลิต 2/11/2022 วันหมดอายุ 2/112024 และรุ่นการผลิต A660341 วันที่ผลิต 28/4/2023 วันหมดอายุ 28/4/2025
โดยยาเหล่านี้จะส่งกระจายไปยังสถานพยาบาลรัฐ 6 แห่ง สถานพยาบาลเอกชน 13 แห่ง โดยรุ่นการผลิต A650197 กระจายหมดแล้วประมาณ 4,500 กล่อง รุ่นการผลิต A660341 ผลิตประมาณ 4,657 กล่อง ยังอยู่ที่องค์ภารเภสัชฯ ประมาณ 3,400 กล่อง และรุ่นการผลิต A650681 ผลิต 4,620 กล่องเหลืออยู่องค์การเภสัชฯ 215 กล่อง
ส่วนที่มีการกระจายไปยังรพ.ต่างๆ นั้นตอนนี้มีข้อมูลหรือไม่ว่า มีการจ่ายให้กับผู้ป่วยแล้วมากน้อยแค่ไหน พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า ตรวจสอบหมดเลยว่า 3 ล็อตนี้ไปอยู่ที่ใครบ้าง มีการจำหน่ายไปแล้วหรือยัง จำนวนเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้รู้ว่า ยากระจายไปที่สถานพยาบาลไหนบ้าง ส่วนรายละเอียดว่าจ่ายให้กับผู้ป่วยรายใดบ้างนั้นยังต้องรอการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ทางองค์การเภสัชฯ จะมีการตรวจสอบซ้ำ เพื่อหาต้นตอของปัญหาหรือไม่ ผอ.องค์การเภสัชฯ กล่าวว่า คิดว่า ปัญหาอยู่ที่วัตถุดิบที่นำมาทำเป็นยา ซึ่งน่าจะมีการซื้อร่วมจากบริษัทเดียวกัน หรือบริษัทใกล้ๆ กัน โดยเป็นสารกลุ่มไนโตซามีน ซึ่งเดิมจะไม่มีตัวเอแซดบีทีอยู่ในรายการที่ต้องเฝ้าระวัง
แต่ อย.น่าจะเฝ้าระวังความปลอดภัยในการใช้ยาอยู่ตลอด และทราบว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ก็เลยเฝ้าระวังและเพิ่มการตรวจสอบสารเอแซดบีที นี้เพิ่มเติมในประเทศไทย พอตรวจก็เจอว่าน่าจะมีในบางล็อตการผลิต ทั้งนี้ วัตถุดิบที่นำมาทำยานั้น เป็นกานำเข้ามาจากจีน และอินเดีย
เมื่อถามว่า จากนี้องค์การเภสัชฯ จะมีการทบทวนการนำเข้าวัตถุดิบตัวนี้หรือไม่ พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการตรวจ และทบทวนเรื่องการนำเข้ายา หรือวัตถุดิบที่จะนำมาทำยาเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ตอนแรก ยากลุ่มนี้จะมีสารที่บังคับตรวจอยู่ 3 ตัว ซึ่งเราก็ตรวจตามมาตรฐาน และเมื่อมีการกำหนดให้ตรวจเพิ่มขึ้น 1 รายการ คือเอแซดบีที เราก็จะตรวจเพิ่มขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก ซึ่งข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 14 ล้านคน และมากกว่า 7 ล้านคน ที่ป่วยแต่ยังไม่เข้ารับการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
ส่วนมากมักไม่แสดงอาการหากผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานและไม่ได้รับการรักษา ความรุนแรงของโรคจะเพิ่มมากขึ้น และอาจมีอาการต่างๆ ได้แก่ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หน้ามืดใจสั่น ตาพร่ามัว เป็นลมหมดสติ และเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต