
คดี กำนันนก สั่งยิง สารวัตรสิว เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพล และในช่วงเวลาเกิดเหตุ ก็มีภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ โดยมีทั้ง ทำตรวจที่ช่วยเหลือ สารวัตรสิว หลบหนี และไม่ช่วยเหลือ เรื่องนี้ ทำให้สังคมกังขาการทำงานของตำรวจ ว่าจะมีความตรงไปตรงมาหรือไม่
18 ก.ย. 66 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 หนึ่งในชุดสืบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรสิว ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเผยความในใจ ในการทำคดีนี้ ว่า
"คดีกำนันนก" เป็นคดีหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้เป็นหนึ่งในทีมสืบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความจริงเหมือนหลายๆ คดีที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่ได้พบทำให้สะเทือนใจ เสียใจ และ หดหู่ใจ ที่ตำรวจดีๆ ต้องเสียชีวิต ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ตำรวจต้องตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งล้วนแต่เป็นพี่ เพื่อน น้อง หลายคนเคยทำงานร่วมกัน บางคนเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ต้องได้รับผลกระทบจากคดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกตั้งคำถามจากประชาชนในหลายๆ เรื่องจากเรื่องนี้ แต่เมื่อความจริงปรากฏ พยานหลักฐานในหลายๆ เรื่องได้บอกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น
ผมเชื่อว่าไม่มีตำรวจคนใดที่อยู่ในงานจะคาดคิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะเกิดขึ้นซึ่งหน้าอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน
แต่เพื่อนตำรวจกลุ่มหนึ่งที่เมื่อเกิดเหตุกลับช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี ทำลายพยานหลักฐาน ไม่รักษาสถานที่เกิดเหตุ ไม่ช่วยเหลือตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ พฤติกรรมแบบนี้เกินกว่าที่จะรับได้ ทรยศต่ออาชีพ ศักดิ์ศรีตำรวจของคนเหล่านั้นหมดไปนับแต่วินาทีนั้น
สำหรับผมเขาเหล่านั้นไม่ใช่ตำรวจอีกต่อไป ส่วนตำรวจที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนก็คงเป็นหน้าที่จะต้องชี้แจงว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงได้ละเว้นหน้าที่เช่นนั้น ขอชื่นชมตำรวจที่ได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและทำหน้าที่ที่ควรทำ ซึ่งจะเห็นว่ายังมีตำรวจที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่อีกมาก
ในการทำงานสืบสวนตลอดชีวิตราชการที่ผ่านมา ผมจะยึดถือเสมอว่า "ต้องแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อยืนยันตัวผู้กระทำผิดให้ได้รับโทษ แต่สิ่งที่ต้องทำคู่กันไปคือ ต้องค้นหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคนที่เกี่ยวข้องในคดีด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม"
การสืบสวนในคดีนี้แม้จะลำบากใจแค่ไหน อาจจะมีคนที่มองต่าง ตำหนิว่าไม่ช่วยเพื่อน ไม่รักตำรวจ ผมต้องขอโทษนะครับ ผมคิดว่าการสืบสวน สอบสวน อย่างตรงไป ตรงมา ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเท่านั้น จึงจะรักษาองค์กรและศักดิ์ศรีของตำรวจอีกกว่าสองแสนคน ให้ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นที่เชื่อมั่น และศรัทธาของประชาชนต่อไปได้